KTB คาดศก.ไทยปี 67 โต 3% ลุ้นแตะ 4% หากดิจิทัลวอลเล็ตมาจริง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 21, 2023 10:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

KTB คาดศก.ไทยปี 67 โต 3% ลุ้นแตะ 4% หากดิจิทัลวอลเล็ตมาจริง

นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ประเมินว่า ในปี 2567 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวประมาณ 3% ปรับลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.6% แต่หากนโยบาย Digital Wallet ดำเนินการได้เต็มวงเงิน 5 แสนล้านบาท จะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตได้ถึง 4%

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในปีหน้า ยังเผชิญความท้าทาย 3 ปัจจัย คือ

1. การส่งออกฟื้นตัวได้จำกัด จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงยาวนาน ซึ่งเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจชัดเจนขึ้นในปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจจีนจะเติบโตช้าลง และอาจขยายตัวไม่ถึง 5% จากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์

KTB คาดศก.ไทยปี 67 โต 3% ลุ้นแตะ 4% หากดิจิทัลวอลเล็ตมาจริง

2. นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวช้ากว่าคาด ส่วนหนึ่งมาจากเศรษฐกิจจีนยังมีความเปราะบาง และจีนมีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกทั้งมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยจากการท่องเที่ยวในไทย ทำให้รวมแล้วจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีหน้า จะเข้ามาไทยประมาณ 32.9 ล้านคน

3. นโยบายการเงินของไทยที่ตึงตัว ภายหลังจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตลอดปี 2566 ส่งผลต่อต้นทุนการกู้ยืมของภาคธุรกิจและครัวเรือน นอกจากนี้ ยังต้องติดตามมาตรการปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible lending) ของ ธปท.ที่เน้นเรื่องวินัยการไม่สร้างหนี้เกินกำลัง โดยจะบังคับใช้ในเดือนม.ค.67 ซึ่งอาจกระทบต่อการเข้าถึงสินเชื่อในระบบของครัวเรือน

KTB คาดศก.ไทยปี 67 โต 3% ลุ้นแตะ 4% หากดิจิทัลวอลเล็ตมาจริง

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS มองว่า ภาคธุรกิจยังต้องจับตาและเตรียมรับมือกับกระแสโลกที่กำลังเปลี่ยนไป ทั้งความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจรุนแรงขึ้น และกระแสแยกขั้ว (Decoupling) ระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เข้มข้นและกระจายออกไปในหลายมิติ ความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังการเลือกตั้งสำคัญในหลายภูมิภาค ทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันเดือนม.ค. การเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียเดือนก.ย. และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดือนพ.ย. การปรับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จากการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงไปสู่การเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะสร้างความผันผวนทางการเงินในช่วงการเปลี่ยนผ่าน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ รวมถึงไทย

นอกจากนี้ หลายประเทศยังมีมาตรการเพื่อปรับเปลี่ยนไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำที่เด่นชัดมากขึ้น เช่น การปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) ของสหภาพยุโรป การจัดทำมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Taxonomy) ของไทย และกระแส digital transformation ของภาคธุรกิจจากการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้อย่างแพร่หลาย

ซึ่งผู้ประกอบการ ควรปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับความท้าทาย และโอกาสจากเทรนด์โลกใหม่ๆ ด้วยการวางแผนบริหารความเสี่ยง ใช้เครื่องมือทางการเงินในการปกป้อง หรือลดผลกระทบจากความผันผวน ขณะเดียวกันต้องเร่งปรับตัวให้การดำเนินธุรกิจมีความยืดหยุ่น สอดรับไปกับบริบทใหม่ของโลก รวมถึงการนำนวัตกรรมสมัยใหม่และเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการผลิต จำหน่าย และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ช่วยลดต้นทุน และยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสร้างโอกาสใหม่ในการขยายตลาดไปยังผู้บริโภคกลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพในอนาคต นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

* คาดศก.ไทยปี 66 โต 2.4% ต่ำกว่าคาด นทท.ไม่เข้าเป้า

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS จะขยายตัวได้ 2.4% ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่ 3% ปัจจัยหลักจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่คาดว่าจะเข้ามาเพียง 27.5 ล้านคน จากคาดการณ์ราว 30 ล้านคน ส่งผลให้รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปประมาณกว่า 1 แสนล้านบาท

ขณะเดียวกัน การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงหดตัว แม้ว่าอุปสงค์ภาคเอกชนในประเทศจะขยายตัว โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนที่เติบโต 7-8% แต่ผู้ผลิตไม่เติมสินค้าคงคลังหรือเติมไม่มากเท่าจำนวนที่ขายออกไป ส่งผลให้สินคงคลังปรับลดลง สะท้อนว่าผู้ผลิตไม่มั่นใจว่ายอดขายจะดีต่อเนื่องหรือไม่ ขณะที่มูลค่าการส่งออกทั้งปี 2566 จะติดลบที่ 1.6% จากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจหลักฝั่งตะวันตก ที่อ่อนแอลงจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ และการฟื้นตัวต่ำกว่าคาดของเศรษฐกิจจีน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ