นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ โฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า บริษัท Rating and Investment Information, Inc. (R&I) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ A- และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ (Stable Outlook) โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวด้วยการขับเคลื่อนจากการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ นอกจากนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ เป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย
โดยรัฐบาลมีมาตรการเชิงรุกต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมหลักในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) และสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ตลอดจนสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะปานกลางถึงระยะยาว ขณะที่ภาคการส่งออกชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก
2. แม้การขาดดุลทางการคลังจะยังอยู่ในระดับสูงกว่าก่อนเกิดวิกฤตการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่ R&I เชื่อว่ารัฐบาลจะยังคงสามารถบริหารจัดการภาระหนี้สาธารณะให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และยังมีพื้นที่ทางการคลังคงเหลือ เพื่อใช้สนับสนุนการดำเนินนโยบายการคลัง
3. ภาคการเงินต่างประเทศมีความแข็งแกร่ง โดยดุลบัญชีเดินสะพัดปี 2566 คาดว่าจะกลับมาเกินดุลและทุนสำรองระหว่างประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง
4. ประเด็นที่ R&I ให้ความสนใจและจะติดตามอย่างใกล้ชิด คือ แนวทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการคลังและการขยายฐานภาษี เนื่องจากการลดลงของอัตราการเกิด และการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ อาจส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและภาระงบประมาณของประเทศในระยะยาว รวมถึงการเพิ่มศักยภาพการเติบโตด้วยการยกระดับมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรม (Upgrading Value Added) เนื่องจากประเทศไทยเผชิญความท้าทายกับการติดกับดักรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) และโครงสร้างประชากรแรงงาน