นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยภายหลังจากการหารือร่วมกับนายอะหมัด ข่าน (Ahmed Khan) ผู้กำกับภาพยนตร์ และนาย Vedant Bali หัวหน้าด้านธุรกิจของนักแสดงดังจากบอลลีวูด (Bollywood) นาย Akshay Kumar จากโรงถ่ายภาพยนตร์ Our?s ว่า ทางโรงถ่ายภาพยนตร์มีความสนใจที่จะมาถ่ายทำหนังภาพยนตร์เรื่อง Welcome to the Jungle ในประเทศไทย ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 โดยทางผู้กำกับภาพยนตร์แจ้งว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็น 1 ใน 5 ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของ Bollywood ในปี 2567 โดยในการถ่ายทำจะมีดาราชื่อดังจากบอลลีวูดกว่า 20 คนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีกราว 200 คนเข้าร่วมการถ่ายทำในประเทศไทย ตนจึงเชื่อว่าจะเป็นโอกาสในการเสริมสร้าง Soft power ที่สำคัญของไทยทั้งในแง่ของวัฒนาธรรม อาหารการกิน และอัธยาศัยของคนไทยไปสู่สายตาชาวโลก รวมทั้งยังจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงเงินเข้าสู่ประเทศ รวมถึงก่อให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่อีกด้วย
นางนลินี กล่าวว่า ทางผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอินเดียให้ความสนใจเกี่ยวกับแนวทางและมาตรการการสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย โดยเฉพาะการคืนเงิน (Cash rebate) และการสนับด้านโลจิสติกส์อื่น ๆ เช่น ค่าที่พัก ค่าการเดินทาง การเช่าสถานที่ และการขอใบอนุญาตถ่ายทำต่าง ๆ ซึ่งตนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่กรมการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมให้ข้อมูลว่าไทยมีมาตรการสนับสนุนหลายมาตรการ เช่น การคืนเงิน 15% สำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศที่มีค่าใช้จ่ายในการทำจำนวน 50 ล้านบาทขึ้นไป และมีมาตรการเสริม ซึ่งสามารถเพิ่มเติมสูงสุดได้อีก 5% รวมทั้งหมดไม่เกิน 20% เช่น ภาพยนตร์ดังกล่าวมีเนื้อหาส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งเสริม Soft power ของไทย มีการถ่ายทำในเมืองรอง หรือว่ามีกระบวนการหลังถ่ายทำ (Post Production) ในไทย หรือสำหรับภาพยนตร์ที่มีค่าใช้จ่ายมากกว่า 150 ล้านบาทก็จะได้รับการคืนเงินร้อยละ 20 โดยอัตโนมัติ สำหรับการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์อื่น ๆ นั้น ขอให้ทางผู้กำกับภาพยนตร์ส่งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อที่หน่วยงานที่รับผิดชอบจะได้นำไปหารือและขอรับการสนับสนุนจากภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องต่อไป
นอกจากนี้ ทางกรมการท่องเที่ยวและ ททท. ยังพร้อมที่จะให้การสนับสนุนข้อมูลด้านสถานที่ถ่ายทำที่เหมาะสมรวมถึงการแนะนำผู้ประสานงานการถ่ายทำท้องถื่น (Local Coordinator) ที่มีประสบการณ์ถ่ายทำหนัง Bollywood รัฐบาลไทยพร้อมที่จะสนับสนุนและดึงดูดการถ่ายทำภาพยนตร์ของต่างชาติในไทยเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการทำให้ผู้ชมภาพยนตร์อยากจะเดินทางมาสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาน มาชมวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงมาชิมอาหารรสเด็ดในเมืองไทย โดยตนเชื่อมั่นว่าจากจุดเด่นเหล่านี้จะทำให้ไทยสามารถเป็นศูนย์กลางในการถ่ายทำภาพยนตร์ได้ นางนลินี กล่าว