น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ ในฐานะโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 67 โดยหลักๆ ยังมาจากแรงขับเคลื่อนของอุปสงค์ในประเทศ แต่ทั้งนี้ แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีหน้าจะมีความสมดุลมากขึ้น เนื่องจากภาคการส่งออกจะกลับมาช่วยภาคท่องเที่ยวอีกแรง จากในช่วงที่ผ่านมา มีเพียงการท่องเที่ยวและอุปสงค์ในประเทศ เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเท่านั้น
"ปีหน้า แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะสมดุลมากขึ้น เพราะการส่งออกจะกลับมาช่วยท่องเที่ยว เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะครบครันขึ้น จากที่ผ่านมา มีเพียงการท่องเที่ยว และอุปสงค์ในประเทศ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก" น.ส.ชญาวดี ระบุ
อย่างไรก็ดี สำหรับเหตุการณ์ที่กลุ่มกบฎฮูตี โจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงนั้น มองว่า อาจทำให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าทางทะเลปรับขึ้นบ้าง แต่ในภาพรวมถือว่ามีผลกระทบที่จำกัดต่อการส่งออกของไทย ทั้งนี้ คงต้องติดตามสถานการณ์ว่ามีความยืดเยื้อมากน้อยแค่ไหน และดูว่าบทบาทของสหรัฐฯ จะเข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์นี้ได้มากน้อยเพียงใด
*บาทแข็งตามเทรนด์สิ้นปี-ตลาดเชื่อเฟดลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น
ส่วนภาวะเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น โดยวันนี้ปรับแข็งค่าขึ้นมากสุดในรอบเกือบ 5 เดือนนั้น น.ส.ชญาวดี กล่าวว่า เป็นการแข็งค่าตามเทรนด์ในช่วงปลายปี รวมทั้งความคาดการณ์ของตลาดที่ว่าจะเห็นการลดดอกเบี้ยนโยบายที่เร็วขึ้นในปีหน้า จากทั้งของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) อย่างไรก็ดี ธุรกรรมที่เบาบางในช่วงสิ้นปี อาจทำให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนได้
โฆษก ธปท. กล่าวด้วยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) นัดแรกของปี 67 (7 ก.พ.) จะมีการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยตลอดทั้งปี 66 อีกครั้ง ซึ่งจากการประชุม กนง.รอบล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พ.ย.66 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 66 จะเติบโตได้ 2.4% อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ 1.3% การส่งออก -1.5% และดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ