ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (8-12 ม.ค. 67)ที่ระดับ 34.20-34.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ตัวเลขการคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนธ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวน ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนธ.ค. ของจีน และผลการประชุมธนาคารกลางเกาหลีใต้ด้วยเช่นกัน
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทพลิกกลับมาแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ที่ 34.74 บาทต่อดอลลาร์ฯ เงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ กลับมาทยอยฟื้นตัวขึ้น จากที่เผชิญแรงเทขายมากในสัปดาห์ทำการสุดท้ายของปี 2566 ประกอบกับมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด อาทิ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังได้รับแรงหนุน หลังบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 12-13 ธ.ค. 2566 และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด สะท้อนว่าสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็วและอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อให้เฟดมั่นใจว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯจะชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องกลับมาสู่ระดับเป้าหมาย
ในวันศุกร์ที่ 5 ม.ค. 2567 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.72 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 34.14 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันพฤหัสบดีก่อนหน้า (28 ธ.ค. 2566) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 2-5 ม.ค. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 2,088 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 12,537 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 13,038 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 501 ล้านบาท)