นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมุ่งวางรากฐานอุตสาหกรรมดิจิทัลให้ประเทศ รองรับการเติบโตของเทคโนโลยีในอนาคต โดยเฉพาะในภาคธุรกิจที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนกระบวนการและรูปแบบ เพื่อพัฒนาไปสู่นวัตกรรมสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ได้จัดทำโครงการ d-startup ระยะเริ่มต้น (Early Stage) S2 "พาธุรกิจไทย เติบโตไกลสู่ระดับโลก" ครั้งที่ 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เปิดรับสมัครบุคคลหรือนิติบุคคลเพื่อขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนการเริ่มต้นธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล พร้อมผลักดัน Digital Startup ของไทยให้มีศักยภาพการเติบโตเชิงธุรกิจ ครอบคลุมสายงานต่าง ๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย 8 สาขา ได้แก่ บริการภาครัฐ สุขภาพ ท่องเที่ยว การเกษตร การศึกษา การบริการ การเงิน และ เมืองอัจฉริยะ 7 ด้าน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ที่ผ่านมา ดีป้าส่งเสริมธุรกิจ Digital Startup ของไทยแล้วจำนวน 160 ธุรกิจ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 15,000 ล้านบาท โดยในปี 2567 นี้ โครงการดังกล่าวดำเนินการภายใต้มาตรการช่วยเหลือหรือการอุดหนุนเพื่อการเริ่มต้นธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล (depa Digital Startup Fund) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการต่อยอดผลิตภัณฑ์หรือบริการดิจิทัลสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ ซึ่งดีป้าจะเป็นผู้พิจารณาผ่านกลไกสนับสนุนในรูปแบบ Angel Fund โดยกำหนดคุณสมบัติหลัก ดังนี้
- บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลในรูปแบบบริษัทจำกัด ที่จดทะเบียนจัดตั้งไม่เกิน 3 ปี ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมดิจิทัลตามเป้าหมาย 8 สาขา ได้แก่ บริการภาครัฐ สุขภาพ ท่องเที่ยว การเกษตร การศึกษา การบริการ การเงิน และ เมืองอัจฉริยะ 7 ด้าน
- วงเงินสนับสนุน สูงสุดไม่เกิน 1,000,000 บาท ต่อโครงการ โดยกำหนดเป้าหมายที่จำนวน 15 โครงการ
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถยื่นข้อเสนอโครงการเพื่อพิจารณาขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนผ่านระบบออนไลน์ที่ member.depa.or.th และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.depa.or.th/startup หรือ sta@depa.or.th เบอร์โทรศัพท์ 0 2026 2333 ต่อ 1128 1272 หรือ 1025 โดยสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567
"นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ย้ำถึงการสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพ และให้ความสำคัญกับธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัลของไทย ภาครัฐพร้อมสร้างพื้นที่ และโอกาสเพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงการสนับสนุนหรือแหล่งเงินทุนได้ โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในศักยภาพ ความคิดสร้างสรรค์ ของสตาร์ทอัพไทย เชื่อว่าการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจและสังคม และสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาเชิงพาณิชย์ สร้างแต้มต่อของขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้ในอนาคต" นายชัย กล่าว