นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้างานโครงสร้างพื้นฐานโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ว่า ขณะนี้ กทท.อยู่ระหว่างดำเนินการเปิดประกวดราคาจ้างก่อสร้างด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) งานส่วนที่ 2 คือ งานก่อสร้างอาคารท่าเทียบเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภค ราคากลาง 7,387.518 ล้านบาท (งบประมาณ 7,425 ล้านบาท) โดยให้ยื่นข้อเสนอและเสนอราคาทางระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ในวันที่ 15 ธ.ค.66 ปรากฎว่ามีผู้ยื่นข้อเสนอ 4 ราย ได้แก่ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD), บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) ,บริษัท ไชน่าฮาร์เบอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และ บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ)
เบื้องต้น เอกสารทั้ง 4 บริษัทผ่านการตรวจสอบเป็นไปตามทีโออาร์กำหนดครบถ้วน จากนี้คณะกรรมการประกวดราคาฯ จะมีการเปิดซองด้านคุณสมบัติและข้อเสนอเทคนิค เพื่อพิจารณาให้คะแนนหลักการ คะแนนรวมทุกหัวข้อจะต้องไม่ต่ำกว่า 80 คะแนน จึงจะมีสิทธิเปิดซองราคา โดยจะสรุปคะแนนด้านเทคนิคภายใน 30 วันทำการหลังยื่นข้อเสนอ คาดว่าจะสามารถจะพิจารณาด้านเทคนิคเสร็จ และเปิดข้อเสนอด้านราคาได้ประมาณต้นเดือน ก.พ.67 โดยรายที่เสนอราคาต่ำสุดจะเป็นผู้ชนะประมูลในครั้งนี้
นายเกรียงไกร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ กทท.เคยเปิดประมูลงานส่วนที่ 2 ไปแล้ว มีเอกชนยื่นประมูล 2 ราย แต่ปรากฎว่ามีการยื่นเอกสารไม่ครบถ้วน ทำให้เหลือเอกชนเพียงรายเดียวจึงต้องยกเลิกประมูล ในครั้งนี้ กทท.เปิดเชิญชวนให้เอกชนที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมประมูล ซึ่งมีเอกชน 4 ราย ยื่นซองและเอกสารครบถ้วน ถือว่ามีจำนวนที่น่าพอใจ และคาดว่าจะมีการแข่งขันอย่างเต็มที่
สำหรับส่วนงานที่ 2 ของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 มีความยาก เพราะเป็นเรื่องที่ต้องมีการขออนุญาตก่อสร้างทางทะเลท่าเทียบเรือ ซึ่งเอกชนที่มีคุณสมบัตินี้ มีแค่ 4 ราย ซึ่งได้เข้ายื่นประมูลในครั้งนี้
"ตามแผนงาน คาดหมายว่าจะสามารถเปิดข้อเสนอราคา และสรุปผลการประมูลได้ในเดือนก.พ. 67จากนั้น จะเร่งนำเสนอคณะบอร์ด กทท. คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญากับผู้ชนะประมูลได้ประมาณปลายเดือนเม.ย. 67 เพื่อเร่งรัดการก่อสร้างทันที เนื่องจากงานก่อสร้างอาคารท่าเทียบเรือ ที่เป็นส่วนงานที่ 2 นี้ จะต้องดำเนินการต่อเนื่องจากงานส่วนที่ 1 คือ การก่อสร้างทางทะเลงานขุดลอกถมทะเลสร้างเขื่อนกันคลื่น ที่ผู้รับเหมาจะส่งมอบพื้นที่งาน Key Date 3 ให้กทท.ในเดือนมิ.ย. 67" ผู้อำนวยการ กทท.กล่าว
สำหรับ TOR งานส่วนที่ 2 (ก่อสร้างอาคารท่าเทียบเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภค) กำหนดคุณสมบัติต้องมีผลงานก่อสร้างประเภทเดียวกันกับงานที่ประกวดราคาจ้างก่อสร้าง และเป็นผลงานที่เป็นคู่สัญญาโดยตรงกับหน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานเอกชนที่การท่าเรือฯ เชื่อถือได้ โดยต้องมีผลงานก่อสร้างท่าเทียบเรือทางทะเลในประเทศไทย ไม่รวมเครื่องมือยกขน สัญญาเดียวมูลค่าก่อสร้างไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท และเป็นผลงานที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในระยะเวลา 10 ปี
การตัดสินพิจารณาใช้เกณฑ์ราคาเนื่องจากการจัดจ้างครั้งนี้ต้องการผู้ยื่นข้อเสนอที่มีคุณภาพและคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์กับท่าเรือแหลมฉบังมากที่สุด จึงกำหนดเป็นเงื่อนไขทางเทคนิคเพื่อคัดเลือกผู้เสนอราคาที่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำตามกำหนด 1.การบริหารจัดการและแผนงานโครงการ 20 คะแนน 2.บุคลากร 20 คะแนน 3.เครื่องจักรก่อสร้าง 20 คะแนน 4.วิธีการก่อสร้าง 40 คะแนน โดยจะต้องได้คะแนนในแต่ละหัวข้อไม่น้อยกว่า 70% และเมื่อรวมคะแนนทุกหัวข้อแล้วจะต้องไม่น้อยกว่า 80% จึงจะถือว่าผ่านการพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคเพื่อทำการพิจารณาข้อเสนอด้านราคาต่อไป
โครงสร้างพื้นฐานท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 มีจำนวน 4 งาน งานส่วนที่ 1 การก่อสร้างทางทะเลเป็นงานขุดลอกถมทะเลสร้างเขื่อนกันคลื่นวงเงิน 21,320 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง จะแล้วเสร็จทั้งหมดในวันที่ 24 มิ.ย.69 ส่วนที่ 3 คือ งานก่อสร้างระบบรถไฟงบประมาณ 799.5 ล้านบาท และส่วนที่ 4 งานจัดหาประกอบและติดตั้งอุปกรณ์สำหรับขนย้ายสินค้าพร้อมออกแบบและติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับบริหารท่าเรือระบบโครงสร้างพื้นฐานงบประมาณ 2,257.84 ล้านบาท อยู่ระหว่างทบทวนการออกแบบเนื่องจากเดิมออกแบบตั้งแต่ปี 2558-2561 และปรับร่างขอบเขตของงาน (Terms of Reference : TOR) คาดว่าจะเปิดประกวดราคาได้ในช่วงปลายปี 67