ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.52/53 ทรงตัวจากช่วงเช้า รอตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐคืนนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 19, 2024 17:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 35.52/53 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อ เช้าอยู่ที่ระดับ 35.53 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 35.50 - 35.61 บาท/ดอลลาร์ ด้านสกุลเงินในภูมิภาค เคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับเงินบาท ยกเว้นเงินเยนที่อ่อนค่าไปมาก

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคืนนี้ คือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะ ออกมาสูงกว่าครั้งก่อนหน้า เป็นปัจจัยที่จะทำให้ดอลลาร์แข็งค่า และเงินบาทอ่อนค่าได้

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันจันทร์ไว้ที่ 35.45 - 35.70 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 148.01/03 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 148.31 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0881/0885 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0884 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,382.51 จุด เพิ่มขึ้น 4.58 จุด (+0.33%) มูลค่าซื้อขาย 49,266.20 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,226.71 ล้านบาท
  • นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ยอมรับว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต อาจไม่ทันเดือนพ.ค. ตามที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.
คลังออกมาระบุไว้ แต่ไม่ทราบว่าต้องเลื่อนไปนานขนาดไหน ขึ้นอยู่กับข้อเสนอแนะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ป.ป.ช.) จะมาถึงรัฐบาลเมื่อไร
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงแนวโน้มเงินเฟ้อปี 67 ว่า ยังคงชะลอตัวต่อ
เนื่องเป็นปีที่ 2 ตามแรงกดดันด้านอุปทานที่ทยอยคลี่คลายลง ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการเพื่อลดค่าครองชีพให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
โดยคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อปี 67 จะอยู่ระหว่าง -0.3% ถึง 1.7% และค่ากลางอยู่ที่ 0.7%
  • คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (บอร์ด กนอ.) ชุดใหม่ ประชุมนัดแรก ประธานฯ สั่งปรับภาพลักษณ์
กนอ. ให้เป็น Investment Enhancer ส่งเสริมการลงทุน เสริมแกร่งผู้ประกอบการ เป็นนิคมฯ แห่งความมั่งคั่งสำหรับผู้ประกอบการ
และนักลงทุน หวังดัน GDP ให้เติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 4%
  • นักลงทุนทั่วโลกเทขายสุทธิในตลาดหุ้นเกิดใหม่ของเอเชียแล้ว 6.6 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้เม็ด
เงินไหลออกรายสัปดาห์จากตลาดดังกล่าวเป็นปริมาณมากที่สุดในรอบเกือบ 19 เดือน โดยเม็ดเงินที่ไหลออกจากตลาดนั้น นำโดยตลาดหุ้น
ไต้หวันซึ่งเป็นตลาดที่มีบริษัทเทคโนโลยีเข้าจดทะเบียนมากที่สุด และตลาดหุ้นอินเดียซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดในเอเชีย
  • เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลังสหรัฐและจีนเริ่มการประชุมระยะเวลา 2 วันในกรุงปักกิ่งเมื่อวันพฤหัสบดี (18 ม.ค.) ที่
ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเงินและปัญหาตลาดทุนระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งนับเป็นการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีหลังรื้อ
ฟื้อช่องทางการสื่อสารเมื่อปีที่แล้ว
  • ซี-อินเทลลิเจนซ์ (Sea-Intelligence) บริษัทที่ปรึกษาด้านห่วงโซ่อุปทานทางทะเลชั้นนำออกมาเตือนว่า การขนส่งที่
หยุดชะงักจากการโจมตีของกลุ่มกบฏฮูตีในทะเลแดงกำลังสร้างความเสียหายแก่ห่วงโซ่อุปทานมากกว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ใน
ระยะแรก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ