เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวบนความท้าทาย แนะออกมาตรการเฉพาะแก้หนี้ครัวเรือน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 22, 2024 11:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปี 2567 แรงส่งหลักมาจากการบริโภคภาคเอกชน ตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับดีขึ้น มาตรการลดค่าครองชีพ และโครงการ Easy e-receipt กระตุ้นการใช้จ่าย ทั้งนี้ ผลบวกของโครงการนี้อาจไม่มากเท่าในอดีต เนื่องจากเงื่อนไขจำกัดเฉพาะร้านที่ออก e-Tax Invoice ได้ นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีแรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นต่อเนื่อง และการส่งออกที่กลับมาขยายตัวได้ สอดคล้องกับการผลิตบางอุตสาหกรรมที่เริ่มฟื้น เช่น อิเล็กทรอนิกส์

สำหรับเงินเฟ้อไทย แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะติดลบต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2566 แต่ส่วนใหญ่ เป็นผลจากมาตรการช่วยค่าครองชีพประชาชน โดย SCB EIC ประเมินว่า ประเทศไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เงินเฟ้อติดลบยังไม่กระจายตัวรายสินค้าเป็นวงกว้าง และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวก มองไปข้างหน้า เงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปทานเป็นหลัก กดดันปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยที่ยังอยู่ในระดับสูงและรายได้กลุ่มเปราะบางฟื้นช้า

ทั้งนี้ สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยยังน่ากังวล สอดคล้องกับผลสำรวจ SCB EIC Consumer survey 2023 พบว่า กลุ่มคนรายได้น้อยเผชิญปัญหาหนี้สินเพิ่มขึ้นหลังวิกฤตโควิด และยังมีปัญหารายได้ไม่พอรายจ่ายอยู่มาก โดยผู้มีรายได้น้อยกว่า 1 ใน 3 ประกอบอาชีพอิสระ/รับจ้างทั่วไป ซึ่งมีแนวโน้มเป็นแรงงานนอกระบบที่รายได้ไม่มาก และเข้าไม่ถึงระบบประกันสังคม ประกอบกับกลุ่มนี้มีวิธีบริหารจัดการหนี้ที่ยังไม่ดีนัก จึงพึ่งพาหนี้นอกระบบสูง และมีแนวโน้มติดอยู่ในวงจรหนี้อีกนาน

ดังนั้น จึงต้องอาศัยนโยบายระยะสั้น เพิ่มสภาพคล่องและแก้หนี้ให้กลุ่มครัวเรือนเปราะบาง ควบคู่กับนโยบายระยะยาว เพิ่มภูมิคุ้มกันคนไทย เช่น ปรับทักษะช่วยยกระดับรายได้ยั่งยืน เพิ่มสัดส่วนแรงงานทำงานในระบบให้เข้าถึงสวัสดิการประกันสังคม และเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินส่วนบุคคล

SCB EIC คาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงอยู่ที่ระดับ 2.5% ตลอดปีนี้ เนื่องจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มองว่าเป็นระดับที่เหมาะสมกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจสู่ศักยภาพ และเอื้อให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมาย อีกทั้ง กนง.ยังสื่อสารสนับสนุนให้ใช้มาตรการเฉพาะจุด และแนวทางแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนในการดูแลกลุ่มเปราะบางที่ฟื้นตัวช้า

ด้านค่าเงินบาท อ่อนค่าเร็วในช่วงต้นปี เป็นผลจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า ตามมุมมองธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ลดดอกเบี้ยช้าลงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ และความเชื่อมั่นนักลงทุนในตลาดทุนที่ยังไม่ค่อยดีนัก โดยให้มุมมองเงินบาทในระยะต่อไป คาดว่าจะแข็งค่าต่อเนื่องได้สู่ระดับ 32-33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปีนี้

ขณะที่ปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป มาจากการประกาศใช้ พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่าย ปี 2567 ที่ล่าช้า กดดันการลงทุนภาครัฐในช่วงครึ่งปีแรก ตลอดจนความไม่แน่นอนจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความเสี่ยงใหม่ในตะวันออกกลาง ที่อาจกระทบการขนส่งทางทะเล และทำให้ห่วงโซ่อุปทานโลกชะงักขึ้นได้อีก

นอกจากนี้ SCB EIC ยังประเมินว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง จากผลของนโยบายการเงินตึงตัวต่อเนื่อง และตลาดแรงงานอ่อนแอลง อีกทั้งยังต้องเผชิญความไม่แน่นอนรอบด้าน โดยในปีนี้จะมีการเลือกตั้งใหญ่กว่า 60 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจรวมสูงกว่า 60% ของโลก

นอกจากนี้ การค้าและห่วงโซ่อุปทานโลก เผชิญความเสี่ยงใหม่จากการโจมตีเรือขนส่งสินค้าในบริเวณทะเลแดง และปัญหาน้ำแล้งในคลองปานามา ก่อให้เกิดความแออัดในการขนส่งทางเรือหรือต้องปรับเส้นทางเดินเรือ ทำให้ระยะเวลาการเดินทางและต้นทุนขนส่งสูงขึ้น

ธนาคารกลางในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก มีแนวโน้มจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงไตรมาส 2 จากเงินเฟ้อที่มีทิศทางชะลอลง สำหรับจีน มีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่อง ผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราเงินสดสำรองตามกฎหมาย (Required Reserve Ratio : RRR) ขณะที่ญี่ปุ่น มีแนวโน้มยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ