กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (BAY) ประเมินเงินบาทในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 35.25-35.75 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 35.51 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายกรอบกว้างในช่วง 34.77-35.69 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 5 สัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งดัชนีดอลลาร์แตะจุดสูงสุดในรอบ 1 เดือน หลังสหรัฐฯ รายงานยอดค้าปลีกเดือนธันวาคมสดใสเกินคาด ส่งผลให้นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
นอกจากนี้ ข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนเติบโต 5.2% ในปี 66 ซึ่งต่ำกว่าคาดเล็กน้อยแม้จะสูงกว่าเป้าหมายของทางการจีนที่ราว 5% โดยภาคอสังหาริมทรัพย์ทรุดตัวมากยิ่งขึ้น และเงินหยวนอ่อนค่าสุดในรอบ 2 เดือน ทางด้านเงินยูโรเผชิญแรงขายอย่างจำกัด ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) พยายามสื่อสารกับตลาดให้ลดความคาดหวังเกี่ยวกับแนวโน้มการลดดอกเบี้ยในยูโรโซน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 10,938 ล้านบาท และ 8,761 ล้านบาท ตามลำดับ
ภาพรวมในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในวันที่ 23 ม.ค.67 ซึ่งคาดว่าจะคงนโยบายผ่อนคลายมากเป็นพิเศษไว้ตามเดิม ขณะที่บีโอเจได้ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่ายังไม่มีข้อมูลใหม่เพียงพอที่จะทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายในการประชุมรอบนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดจะรอดูว่าบีโอเจจะพูดถึงจังหวะเวลาของการยุตินโยบายดอกเบี้ยติดลบหรือไม่ นอกจากนี้คาดว่าอีซีบีจะคงดอกเบี้ยในวันที่ 25 ม.ค.67 ส่วนรายงานข้อมูลฝั่งสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 4/66 และดัชนีราคาค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล (PCE) เดือนธันวาคม
อนึ่ง BAY มองว่า เงินดอลลาร์อาจได้แรงหนุนต่อไปอีกเล็กน้อย ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ รับมือกับภาวะดอกเบี้ยสูงได้ดีเกินคาด อีกทั้งเศรษฐกิจนอกสหรัฐฯ ซบเซามากกว่า อย่างไรก็ดี ในภาพใหญ่หากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอลงชัดเจน โดยยังคงประเมินว่าเฟดจะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยช่วงกลางปีนี้ แม้เศรษฐกิจไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงก็ตาม
ส่วนปัจจัยในประเทศ คาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยืนยันว่าการดำเนินนโยบายการเงินไม่ได้ผิดทิศทาง และจะติดตามปัจจัยต่างๆอย่างใกล้ชิด โดยพร้อมที่จะปรับจุดยืนของนโยบายการเงิน หากสถานการณ์เศรษฐกิจเปลี่ยนไปจากที่ประเมินไว้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ธปท.มองว่าเงินเฟ้อติดลบเป็นปัจจัยชั่วคราว ซึ่งเชื่อว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยที่ 2.50% ในการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 7 ก.พ.67