นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ลงพื้นที่ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร จ.ระนอง เพื่อเร่งผลักดันการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับ จ.ระนอง และเป็นประธานการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ซื้อขายมังคุด เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนด้านการตลาดสินค้ามังคุดของภาคใต้ เพิ่มช่องทางการจำหน่ายโดยเฉพาะยกระดับการส่งออกและการแปรรูป โดยนำนวัตกรรมมาใช้สร้างมูลค่า เป็นการสร้างโอกาส สร้างรายได้ ส่งเสริมเศรษฐกิจจากฐานราก ให้เกิดความเข้มแข็ง ยกระดับเพิ่มมูลค่าสู่การส่งออก
นายภูมิธรรม กล่าวว่า จังหวัดในภาคใต้ มีศักยภาพในการผลิตที่หลากหลาย โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ได้แก่ ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้ และสินค้าเกษตรประเภทผลไม้ที่มีคุณภาพ เช่น ทุเรียน มังคุด เงาะ ตลอดจนศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เป็นฐานเศรษฐกิจที่สำคัญในพื้นที่
โดยวันนี้ มี 2 กิจกรรมสำคัญ คือ 1.พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ซื้อขายมังคุด 2 คู่ เกิดมูลค่ารวม 65 ล้านบาท (ปริมาณ 2,250 ตัน โดยเป็นมังคุดเกรดเอ 250 ตัน มูลค่า 25 ล้านบาท และมังคุดเกรดบี 2,000 ตัน มูลค่า 40 ล้านบาท) ซึ่งผลจากการลงนามใน MOU ครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันผลักดันเกษตรกร ผู้ประกอบการ SMEs ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เป็นผู้ส่งออกในสินค้ามังคุดในพื้นที่ภาคใต้ ให้ได้มีช่องทางการจำหน่ายที่เหมาะสม สอดคล้องกับคุณภาพและตลาด ทั้งในประเทศ และส่งออก
2. การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อเพิ่มการส่งออกมังคุดเกรดเอจากภาคใต้ (นครศรีธรรมราช) ไปประเทศจีน ผ่านกลไกของล้งไทย พร้อมขยายต่อไปสู่จังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ เพิ่มการส่งออกมังคุดเกรดบีจากภาคใต้ไปประเทศญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นอนุมัติให้นำเข้ามังคุดไทยโดยไม่ต้องอบไอน้ำ ซึ่งเป็นโอกาสของมังคุดไทย
สำหรับจังหวัดระนอง จะเป็นครั้งแรกในการส่งออกมังคุดไปประเทศญี่ปุ่น และเพิ่มมูลค่าให้มังคุดที่ไม่ได้มาตรฐานส่งออก โดยพัฒนาการแปรรูปเป็นขนม โดยเป็นการบูรณาการร่วมกันของทุกฝ่าย และพาณิชย์จังหวัดกับทูตพาณิชย์ รวมถึงกรมที่เกี่ยวข้องของกระทรวงพาณิชย์จะร่วมกันผลักดันต่อไป
"การซื้อขายมังคุดในวันนี้ ต้องขอแสดงความยินดีกับกลุ่มเกษตรกร ที่ได้เปิดตลาดมังคุดไปยังประเทศญี่ปุ่น และประเทศจีนเพิ่มขึ้น" นายภูมิธรรม กล่าว
พร้อมระบุว่า การลงนาม MOU ในวันนี้ จะเป็นจุดเริ่มที่ดีในการร่วมมือกัน ระหว่างเกษตรกร ผู้ประกอบการ บริษัทผู้ส่งออก และมหาวิทยาลัยทักษิณ ในการพัฒนาคุณภาพมังคุด เพื่อขยายการค้าส่งออกต่อไปในอนาคต