นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยในงานสัมมนา Thailand 2024 : The Great Challenges เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส หัวข้อ "โรดแมปปี 67 จุดพลุส่งออก-ปลุกเศรษฐกิจดิจิทัล" ว่า กระทรวงพาณิชย์ ใช้นโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และขยายโอกาสของรัฐบาล ตั้งแต่ที่ตนเข้ามารับหน้าที่ก็เริ่มทำทันที โดยจัดร้านธงฟ้ากระจายลงพื้นที่ให้มากที่สุดเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าให้ประชาชนในเรื่องค่าครองชีพ
พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้อธิบดีกรมการค้าภายใน ไปดูโครงสร้างของต้นทุนราคาสินค้า จัดระบบที่เป็นธรรม เพื่อช่วยแก้ปัญหาในระยะยาว ยึดหลักหาจุดที่สมดุล และเห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีว่าเราไม่สามารถอุดหนุนได้ตลอด ต้องเปลี่ยนวิธีคิด รัฐบาลพรรคเพื่อไทย จึงได้คิดการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเรื่องการผลิต และหาตลาด ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นด้านการผลิต ก็จะมีข้อมูลของเกษตรกรที่สามารถประเมินได้ เพื่อนำสินค้าไปกระจายตามช่องทางตลาดให้เหมาะสม
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ได้เดินทางไปประเทศจีน และมีโอกาสหารือนอกรอบกับทางรัฐบาลจีน ซึ่งต่อไปจีนจะเป็นตลาดของโลก จึงเป็นโอกาสในการส่งออกสินค้าของไทยไปตลาดจีนด้วย และลงลึกไปถึงรายมณฑล เพราะแต่ละมณฑลก็มีประชากรจำนวนมาก เป็นตลาดใหญ่
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ รื้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า ข้อจำกัดกับหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่เป็นปัญหา อย่างเช่น พ.ร.ก.ประมง ก็จะช่วยแก้ปัญหาให้ประมงไทย ที่ก่อนหน้านี้มีความเดือดร้อนมากจากเรื่อง IUU พรรคเพื่อไทยเราเห็นทั้งระบบ คาดว่าการส่งออกจะดีขึ้นในปีนี้ ขณะที่การส่งออกในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 66 ก็สามารถขยายตัวเป็นบวก
"ตลาดใหม่ๆ วันนี้ เปลี่ยนแปลงไปเยอะ เช่น ตลาดอีคอมเมิร์ซ อีกไม่นานจะได้เห็นกระทรวงพาณิชย์เชิญอินฟลูเอนเซอร์มาช่วย และจะมีอินฟลูเอนเซอร์จากจีนมาร่วมขายสินค้า จะเป็นโมเดลใหม่ และวันที่ 31 ม.ค.นี้ จะร่วมมือกับซีรีส์วาย มาเป็นเครื่องมือ เพราะมีกลุ่มแฟนคลับจำนวนมาก และเป็นซอฟต์พาวเวอร์ด้วย ต้องคิดนอกกรอบ เรากำลังหาช่องทางการค้าใหม่ๆ ไม่ใช่หาตลาดแบบเดิม ถ้าทำแบบเดิม ก็ได้เท่าเดิม" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ระบุ
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวในหัวข้อ "เพิ่มมูลค่า เพื่อเกษตรกรไทย 2567" ว่า การเติบโตของ GDP ภาคเกษตรปี 66 ขยายตัวแค่ 0.3% เนื่องจากมีหลากหลายประเด็นที่มีความท้าทายทั้งในและนอกประเทศ อาทิ ประเทศมหาอำนาจหลายประเทศประสบภาวะเศรษฐกิจขาลง ขณะเดียวกัน ยังมีสภาพความไม่มั่นคงทางสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาคการผลิตของเกษตร ทำให้เกิดน้ำท่วม นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัญหาสำหรับประเทศไทย คือการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเดิมกลุ่มนี้เคยทำการเกษตร แต่ลูกหลานรุ่นหลัง ไม่อยากทำต่อแล้ว
"กระทรวงเกษตรฯ เป็นกระทรวงใหญ่ที่โดนตัดงบประมาณ มีงบเพียง 118,000 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วเกษตรกรมีงบหัวละประมาณ 3,000 บาทเท่านั้น ไม่เพียงพอต่อการยกฐานะเกษตรกร จึงเป็นปัญหาที่กระทรวงเกษตรฯ ต้องแก้ โดยตามนโยบายของนายกฯ คือ ต้องใช้ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ซึ่งการเพิ่มรายได้นอกจากการขยายตลาดแล้ว ยังต้องปราบปรามสินค้าที่เกินความต้องการ และสินค้าเกษตรเถื่อน นอกจากนี้ ต้องมีการเพิ่มนวัตกรรม ด้วยงานวิจัยใหม่ๆ" ร.อ.ธรรมนัส กล่าว