นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทยเปิดเผยว่า ตนร่วมกับกงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบ (นายดนย์วิศว์ พูลสวัสดิ์) และทีมประเทศไทยในเมืองมุมไบ ได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท TATA ในภาคส่วนของยานยนต์ และเหล็ก โดย TATA เป็นบริษัทชั้นนำในอินเดีย มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) รวมกว่า 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราว 10.7 ล้านล้านบาท โดยตนได้ใช้โอกาสนี้เชิญชวนให้จัดตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ในพื้นที่ EEC และใช้ไทยเป็นฐานในการส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ชูจุดเด่นด้านทักษะแรงงาน สถานที่ตั้ง และสิทธิพิเศษด้านการลงทุน
ในขณะที่การหารือกับผู้บริหารบริษัท Mahindra ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ การให้บริการด้าน IT และที่สำคัญคือเป็นบริษัทที่จัดจำหน่ายรถเทรคเตอร์มากที่สุดในโลกในแง่ของจำนวน ตนได้รับทราบข่าวดีว่าทางบริษัทจะเริ่มนำรถแทรกเตอร์เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยภายในกลางปีนี้ และหากยอดขายเป็นไปตามเป้า ทางบริษัทจะพิจารณาการจัดตั้งโรงงานในไทย เพื่อจัดจำหน่ายในไทย และส่งไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทย และเป็นการส่งเสริมการจ้างงานในพื้นที่ โดยตนพร้อมจะสนับสนุนและประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ตนและทีม Thailand ยังได้มีโอกาสหารือประธาน IMC Chamber of Commerce and Industry ซึ่งเป็นหอการค้าที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1907 และมีสมาชิกกว่า 5,000 คน โดยได้เสนอให้พัฒนาความร่วมมือระหว่าง IMC Youth และผู้ประกอบการรุ่นใหม่หอการค้า (YEC) เนื่องจากคนรุ่นใหม่ของสองประเทศจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนและผลักดันความสัมพันธ์ทางการค้าต่อไป
นางนลินี กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนยังได้เชิญชวนให้ใช้ EEC เป็นฐานในการผลิต EV และยาและเวชภัณฑ์เพื่อขายในภูมิภาค สำหรับการหารือกับ Confederation of Indian Industry (CII) นั้น ตนได้เน้นย้ำถึงความสำคัญด้านการเชื่อมโยง โดยเฉพาะโครงการถนนสามฝ่ายอินเดีย-เมียนมา-ไทย ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาทางการค้าระหว่างไทยกับอินเดีย โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ตนยังได้เชิญชวนให้ผู้ประกอบการชาวอินเดียลงทุนในอุตสาหกรรมโรงแรม เพื่อตอบสนองต่อการเติบโของนักท่องเที่ยวอินเดียในไทย