นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือนธ.ค.66 ว่า มีสัญญาณชะลอตัวจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว และการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป
- เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า: โดยการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนธ.ค.66 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -7.0% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน -4.9% ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือนธ.ค.66 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -1.4% รายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนธ.ค.66 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -1.2% อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนธ.ค.66 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 62.0 จากระดับ 60.9 ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และสูงสุดในรอบ 46 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
- เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า: โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนธ.ค.66 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 1.7% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่ -22.3% สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนธ.ค.66 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -4.4% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่ -2.8% ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -41.2%
- มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนธ.ค.66 อยู่ที่ 22,791.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 4.7% และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่าเพิ่มขึ้น 2.1% ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของสินค้าในหมวดเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รวมทั้งการขยายตัวของสินค้าน้ำตาลทราย ข้าว ผักสด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง และสิ่งปรุงรสอาหาร ขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ ชะลอตัว
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวดีขึ้นในตลาดอาเซียน-5 ทวีปออสเตรเลีย และจีน ขยายตัว 18.0% 5.4% และ 2.0% ตามลำดับ รวมทั้งกลุ่มตลาดอื่น ๆ ที่ขยายตัวได้ดี อาทิ กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) และลาตินอเมริกา ที่ขยายตัว 50.4% และ 14.4% ตามลำดับ ขณะที่ตลาดยูโรโซน และญี่ปุ่น ลดลง
- เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน สำหรับภาคบริการมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนธ.ค.66 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม 3.26 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 45.5% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย จีน รัสเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย ตามลำดับ
ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ในเดือนธ.ค.66 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -2.4% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่ -0.5% จากการลดลงของผลผลิตในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ข้าว มันสำปะหลัง และหมวดไม้ผล อย่างไรก็ดี ผลผลิตในหมวดปศุสัตว์ อาทิ สุกรและไก่ขยายตัว
ส่วนภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนธ.ค.66 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 88.8 จากระดับ 90.9 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากได้รับปัจจัยเสี่ยงจากภาคการผลิตที่ชะลอลง ตามกำลังซื้อของประชาชนที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที
- เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี: สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนธ.ค.66 อยู่ที่ -0.83% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.58% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนพ.ย.66 อยู่ที่ 61.9% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนธ.ค.66 อยู่ในระดับสูงที่ 224.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ