ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ข่าวแฟนนีเมขาดทุนหนัก ฉุดดอลล์ร่วงเทียบสกุลเงินหลักๆ

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 พ.ค.) สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากบริษัทแฟนนี เม ซึ่งเป็นบริษัทปล่อยกู้ซื้อบ้านรายใหญ่สุดของสหรัฐ เปิดเผยตัวเลขขาดทุนที่สูงเกินคาด ขณะที่สกุลเงินยูโรและปอนด์แข็งแกร่งขึ้นก่อนที่การประชุมธนาคารกลางอังกฤษและธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะเริ่มขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สกุลเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.5522 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.5491 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่สกุลเงินปอนด์แข็งขึ้นแตะระดับ 1.9730 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.9724 ดอลลาร์/ปอนด์
          เมื่อเทียบกับสกุลเงินฟรังค์สวิสและเยน ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงแตะระดับ 104.70 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 104.87 เยน/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลงแตะระดับ 1.0522 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0527 ฟรังค์/ดอลลาร์
          ส่วนสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งขึ้นแตะระดับ 0.7921 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์  จากระดับ 0.7844 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งขึ้นแตะระดับ 0.9499 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9466 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
          ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันหลังจากข่าวที่ว่าบริษัทแฟนนี เม ซึ่งเป็นบริษัทปล่อยกู้ซื้อบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยยอดขาดทุนไตรมาสแรก 2.19 พันล้านดอลลาร์เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยตกต่ำลงอย่างมาก ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวฉุดดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากความกังวลที่ว่าปัญหาในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
          แฟนนี เม เป็นบริษัทสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งชาติของรัฐบาลกลางสหรัฐ (GSE) ได้รับการจัดตั้งโดยสภาคองเกรส และมีหน้าที่เพิ่มสภาพคล่องให้แก่สถาบันการเงินซึ่งปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้านและนักลงทุน
          ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งแกร่งขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากธนาคารกลางออสเตรเลียที่ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นที่ 7.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจออสเตรเลียได้รับผลกระทบจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ