นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า รัฐบาลจะเดินหน้านโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายอย่างแน่นอนตามที่เคยประกาศว่าจะใช้เวลา 2 ปี หรือภายในปี 68 ขณะนี้เหลือเวลาอีก 1 ปีครึ่ง จะทำให้เกิดเป็นรูปธรรมผ่านร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม โดยจะมีการจัดตั้งกองทุนตั๋วร่วมที่จะระดมทุนมาใช้ชดเชยส่วนต่างค่าโดยสารรถไฟฟ้าให้กับเอกชนผู้รับสัมปทาน เบื้องต้นกรมการขนส่งทางรางได้ประเมินเบื้องต้นว่าจะต้องใช้เงินชดเชยราวปีละ 8 พันล้านบาท
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะนำเงินจากส่วนใดเข้ามาในกองทุนตั๋วร่วม ซึ่งมีหลายแนวทาง เช่น นำรายได้จากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่มีกำไรอยู่แล้วจากการให้สัมปทานเดินรถ MRT รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน , เงินงบประมาณ หรือ เงินจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน เป็นต้น โดยขณะนี้กำลังศึกษารายละเอียด
รมว.คมนาคม คาดว่า ร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วมจะเสนอเข้าสู่คณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม (คนต.) เคาะก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในไตรมาส 1/67 จากนั้นเข้าสู่การพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในช่วงเดือน มิ.ย.-พ.ย.67 และรัฐสภาน่าจะพิจารณาในช่วงเดือน ธ.ค.67-ส.ค. 68 และน่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ราวเดือน ก.ย.-พ.ย.68
นายสุริยะ กล่าวว่า หาก พ.ร.บ.ตั๋วร่วมมีผลบังคับใช้ก็จะมีการจัดตั้งกองทุนชดเชยให้กับเอกชนผู้รับสัมปทาน ฉะนั้น ในปีนี้ก็จะยังไม่มีการใช้นโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายในเส้นทางอื่นนอกเหนือจากที่ดำเนินการอยู่ 2 สาย คือ รถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน และรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ 16 ต.ค.66
สำหรับรถไฟฟ้าเส้นทางที่ให้บริการเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน หรือสายสุขุมวิท ตั้งแต่ สถานีคูคต (จ.ปทุมธานี) - สถานีเคหะ (จ.สมุทรปราการ) ระยะทาง 53.58 กิโลเมตร , รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม หรือสายสีลม ช่วงสถานีบางหว้า - สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ระยะทาง 14 กิโลเมตร และ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายเฉลิมรัชมงคล ช่วงท่าพระ-บางซื่อ-หัวลำโพง-หลักสอง-พุทธมณฑล สาย 4 ระยะทาง 48 กิโลเมตร, รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย- มีนบุรี ระยะทาง 27 กิโลเมตร, รถไฟฟ้าสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว -สำโรง ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร , รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งก์ , รถไฟฟ้าสายสีม่วง และรถไฟฟ้าสายสีแดง