ตามที่สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ แถลงสถานการณ์เงินเฟ้อของไทยเดือนม.ค.67 ซึ่งยังติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และสาเหตุหนึ่งที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ มาจากผลของนโยบายช่วยเหลือค่าครองชีพ โดยเฉพาะการลดค่าไฟฟ้า และราคาน้ำมัน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า อยากทำความเข้าใจว่า มาตรการที่รัฐบาลออกมาเป็นมาตรการในการควบคุมดูแลไม่ให้ร้านค้าหรือผู้ประกอบการเอากำไรมากเกินไป เพื่อให้หาจุดสมดุลร่วมกันได้ในทุกฝ่าย ทั้งผู้ผลิต ร้านค้า และประชาชน
การที่มองว่ามาตรการให้ความช่วยเหลือจากภาครัฐมีส่วนทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า คงต้องมาทบทวนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะการดำเนินการของรัฐในการเข้าไปดูแล ถ้าเกิดปัญหาจากเรา จะเกิดไม่นาน และไม่ต่อเนื่อง แต่การเกิดปัญหาต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่ามันมีปัญหาที่ดำรงอยู่
"ถ้าดูในทางปฏิบัติ รัฐบาลใช้มาตรการการคลังเกือบทุกเรื่อง และทุกกระทรวงได้ดำเนินการ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มันคือปัญหามาตรการทางการเงิน ขณะนี้รัฐบาลใช้มาตรการการคลังเต็มที่แล้ว หากจะให้ปัญหาได้รับการแก้ไขเป็นอย่างดี ในประเทศอื่นมาตรการการเงิน-การคลัง ต้องควบคู่กัน จึงต้องถามว่าผู้ที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลมาตรการทางการเงิน ได้ดำเนินการอะไรบ้าง จะลดดอกเบี้ยหรือไม่ จะดูดซับสิ่งต่างๆ หรือไม่ ผมว่าตอนนี้ภาระหน้าที่อยู่ที่แบงก์ชาติ และผู้ที่รับผิดชอบดูแลมาตรการทางการเงิน ซึ่งมันจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆได้ มันต้องทำทั้ง 2 เรื่องควบคู่กัน ถึงจะแก้ปัญหาต่างๆ ได้" นายภูมิธรรม กล่าว
ส่วนจะมีการพูดคุยกับผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อาจจะเป็นขั้นตอนต่อไป ถ้า ธปท.รู้สึกว่ามีประเด็นที่เราควรหารือกัน เรายินดีคุยด้วยอยู่แล้ว แต่ความคิดเห็นของเราในตอนนี้ กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ปฏิบัติการ เรารู้ว่า ถ้าไม่มีมาตรการการเงินช่วย เช่น ราคาสินค้า กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการลำบาก หน่วยงานที่รับผิดชอบอย่าง ธปท.ควรตระหนักในเรื่องนี้
"ขณะนี้ไม่ใช่วิกฤติการทั่วไปธรรมดา แต่มีวิกฤติการการเงินเข้ามาแทรก เพราะเรื่องมาตรการการเงิน เราเห็นหน่อที่จะเกิด และเห็นแนวที่จะมีปัญหา ฉะนั้นตรงนี้ ธปท.ต้องดูให้ละเอียด อย่าดูหรือเพ่งเล็ง เอาใจใส่เฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ต้องดูทั้งระบบ ถึงจะช่วยแก้ปัญหาได้ วันนี้จะแก้ไขวิกฤติการณ์ของประเทศได้ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ถ้าฝ่ายหนึ่งจะทำ แต่อีกฝ่ายจะยืนค้านอยู่ มันไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมที่จะเกิดขึ้น" นายภูมิธรรม กล่าว
พร้อมเห็นว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นประเด็นสำคัญที่จะกระตุ้นกำลังซื้อทั้งหมดให้เกิดขึ้น และอีกหลายมาตรการของรัฐบาลที่รออยู่ แต่หากมาตรการหลักไม่ขยับ ก็จะทำให้อีกหลายเรื่องไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ อยากวิงวอนขอร้องผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้ดูทั้งระบบ อย่ามองแยกส่วน เพราะถ้าไม่มองทั้งระบบ มันก่อให้เกิดวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 มาแล้ว
"สิ่งที่สำคัญ ต้องไปถามผู้ดูแลการเงินของประเทศ ว่าคิดอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างนี้ เห็นด้วย หรือมีปัญหาไหม ถ้าคิดว่าไม่มีปัญหา เราก็ต้องดูอนาคตว่าใครประเมินได้ถูกทาง เพราะถ้าหากเกิดวิกฤติการเงินอย่างที่รัฐบาลบอก ผู้บริหารการเงินทั้งหลายทีไม่ Alert และไม่สามารถเข้ามาดูแล ไม่จัดการ จะต้องรับผิดชอบ" นายภูมิธรรม กล่าว