นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จะพบว่าประชาชนเริ่มมองอนาคตว่าเศรษฐกิจไทยจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นได้จากการท่องเที่ยวในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ตลอดจนภาคการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง และสินค้าเกษตรที่มีราคาดีขึ้น ดังนั้นเมื่อรวมกับปัจจัยที่คาดว่าจะเริ่มใช้งบประมาณรายจ่ายปี 2567 ได้ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ จึงทำให้เชื่อว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และเศรษฐกิจไทยน่าจะเห็นการเติบโตที่ชัดเจนในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้
อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งแรกของปี 67 ภาคการท่องเที่ยวจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
ทั้งนี้ ม.หอการค้าไทย ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 67 จะเติบโตได้ราว 3.0-3.5% แต่หากรัฐบาลสามารถดำเนินโครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตได้เป็นรูปธรรม ก็จะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ มีโอกาสเติบโตได้ใกล้เคียงกับ 4% มากขึ้น
"เศรษฐกิจไทยปีนี้ จะมีแรงขับเคลื่อนมาจาก 4 ประสาน คือ การท่องเที่ยว การส่งออก ราคาสินค้าเกษตร และงบประมาณรายจ่าย...ดังนั้นเศรษฐกิจน่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนในไตรมาส 4 ความสำคัญอยู่ที่การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ซึ่ง 15 ก.พ.นี้ น่าจะชัดเจนว่ารัฐบาลจะขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตไปทางไหน และอย่างไร รวมทั้งข้อมูลจากสภาพัฒน์ที่จะออกมาวันที่ 19 ก.พ.นี้ ซึ่ง ม.หอการค้าฯ เชื่อว่าปี 66 เศรษฐกิจไทยจะยังโตได้มากกว่า 2%" นายธนวรรธน์ ระบุ
พร้อมมองว่า เศรษฐกิจไทยแม้ไม่มีโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็ยังสามารถเติบโตได้ เนื่องจากมีแรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยว และภาคการส่งออกที่ต่างปรับตัวดีขึ้นในปีนี้ รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่ต่างปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลดีต่อรายได้เกษตรกร ซึ่งน่าจะทำให้ GDP ปี 67 เติบโตได้มากกว่า 3% ซึ่งถือเป็นระยะที่ปลอดภัย ซึ่งโอกาสที่ GDP ปีนี้จะโตได้ 3-3.5% มีมากกว่าโอกาสที่จะโตได้ต่ำกว่า 3%
"เศรษฐกิจไทยปีนี้ หากไม่มีดิจิทัลวอลเล็ตก็ยังเติบโตได้ ซึ่งมาจากทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยว การส่งออก พืชผลเกษตรที่ราคาดี เราคาดว่าปีนี้น่าจะโตได้มากกว่า 3% เป็นระยะปลอดภัย ไม่มีปัญหาอะไร ยังเติบโตได้ดี แต่อยู่ที่ว่าเราพอใจการเติบโตในระดับนี้หรือไม่ ถ้าอยากจะโตให้ได้มากกว่า 4% หนึ่งในนั้นที่จะช่วยให้เศรษฐกิจโตเร็วขึ้น คือการเติมดิจิทัลวอลเล็ตเข้าไป ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจโตเร็วขึ้นได้" ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ระบุ
นายธนวรรธน์ กล่าวถึงการตัดสินใจเรื่องนโยบายอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่า เชื่อว่า กนง.จะต้องพิจารณาอย่างละเอียดและรอบด้าน ทั้งแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ สถานการณ์เศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางการเงิน ซึ่งหากเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น กนง.อาจตัดสินใจไม่ปรับลดดอกเบี้ยง แต่หากเห็นสัญญาณการทรุดตัวของเศรษฐกิจ ก็เชื่อว่า กนง.มีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงได้ ซึ่งมติที่ประชุม กนง.ล่าสุดที่เสียงออกมาไม่เป็นเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ย 5 เสียง และลดดอกเบี้ย 2 เสียงนั้น ก็ทำให้เห็นโอกาสที่ กนง.จะลดดอกเบี้ยในระยะต่อไปมีมากขึ้น
"ถ้าเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวขึ้น ธปท.อาจจะไม่ลดดอกเบี้ยก็ได้...แต่ถ้าเศรษฐกิจไทยยังมีสัญญาณในการทรุดตัวลง ก็เชื่อว่า กนง.มีโอกาสที่จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง" นายธนวรรธน์ กล่าว