นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับผู้บริหารสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อส่งเสริมและแก้ปัญหาการส่งออกยานยนต์ของไทย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้เข้าประเทศเป็นลำดับที่ 3 ของไทย โดยไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต และการส่งออกยานยนต์สำคัญของโลก
นายภูมิธรรม กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ยึดหลักร่วมมือกับเอกชน ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และการค้าในประเทศให้เข้มแข็ง ยึดจุดสมดุล ลดภาระต้นทุนผู้ประกอบการ สร้างรายได้เข้าประเทศ ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ได้ยึดหลักแก้ไขอุปสรรคให้เอกชนเป็นทัพหน้าหารายได้เข้าประเทศ รัฐแก้ไขปัญหาอุปสรรค โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้แก้ไขปรับปรุงกฎหมาย และใช้ประโยชน์จากการเจรจา เขตการค้าเสรี (FTA) สร้างโอกาสทางการค้า หาตลาดใหม่ หาหุ้นส่วนทางการค้า และนักลงทุนให้มากขึ้น
"วันนี้กติกาการค้าโลกใหม่ เริ่มมีผลบังคับใช้มากขึ้น ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจที่ยั่งยืน พลังงานสะอาด การแก้ไขปัญหาถิ่นที่อยู่สินค้า จึงอยากให้ทุกฝ่ายเท่าทัน พัฒนาตามกลไกที่เปลี่ยนแปลง สร้างสมดุลใหม่" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าว
ขณะเดียวกัน ทางสมาคมฯ ได้หยิบยกประเด็นเรื่องการส่งออกรถยนต์ไปออสเตรเลีย ที่มีปัญหาดอกหญ้าและฝุ่นปนเปื้อนไปกับรถยนต์ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ ได้ประสานไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตลอดจนฝ่ายออสเตรเลีย ศุลกากร และทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้สามารถแก้ไขปัญหาไปได้มาก
"ส่วนหนึ่งเกิดจากสภาพภูมิศาสตร์ของแหลมฉบัง เราก็พยายามขจัดออก และจะเรียนท่านนายกฯ ที่จะเดินทางไปเยือนประเทศออสเตรเลียให้ทราบ เพื่อจะได้ช่วยดูแลผู้ประกอบการไทย" นายภูมิธรรม กล่าว
ด้านนายสุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สมาคมฯ ได้มาขอการสนับสนุนจากกระทรวงพาณิชย์ ในเรื่องของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เช่น การเจรจา FTA ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกหลายข้อตกลง ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์แห่งอนาคต โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า ดังนั้น เงื่อนไขการส่งออกอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง และการทำธุรกิจที่สะดวกรวดเร็วขึ้น เช่น การใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ จะช่วยสนับสนุนไปสู่ระบบ paperless
นอกจากนี้ การส่งออกไปจุดหมายสำคัญ เช่น ออสเตรเลีย ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี ส่วนการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ปีที่ผ่านมา พบว่าการผลิตเพื่อขายในประเทศลดลงไป 8% แต่การส่งออกยังเป็นบวก 11% ซึ่งสาเหตุหลักของการติดลบของการผลิตเพื่อขายในประเทศเป็นเรื่องของรถปิกอัพเป็นหลัก ซึ่งติดลบถึง 30% ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาหนี้สินครัวเรือน และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ
สำหรับข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า ภาพรวมการส่งออกสินค้ายานยนต์ในปี 2566 (ม.ค.-ธ.ค.) มีมูลค่า 25,127 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 12.96% โดยออสเตรเลียเป็นตลาดส่งออกหลัก ทั้งนี้ ไทยผลิตรถยนต์ได้ทั้งสิ้น 1,156,035 คัน เพิ่มขึ้น 11.44% โดยประเทศที่ส่งออกไปสูงสุด 5 อันดับแรก คือ 1.ออสเตรเลีย 2.ฟิลิปปินส์ 3.ซาอุดีอาระเบีย 4.ญี่ปุ่น 5.สหรัฐอเมริกา