คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ขยายเวลาการส่งเอกสารเพื่อออกบัตรส่งเสริมเป็นครั้งที่ 3 ถึงพฤษภาคม 2567 เต็มที่ตามกฎหมายกำหนด หลังบริษัท เอเชีย เอรา วัน เสนอแผนดำเนินงานที่ชัดเจนขึ้น
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ได้พิจารณาทบทวนคำสั่งไม่อนุมัติขยายเวลาการส่งเอกสารประกอบการออกบัตรส่งเสริม ครั้งที่ 3 สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ไฮสปีดเทรน) ของบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ตามที่บริษัทฯ ได้มีหนังสืออุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
โดยบีโอไอได้พิจารณารายละเอียดอย่างถี่ถ้วน พร้อมเชิญบริษัทฯ มาหารือและให้ข้อมูลเพิ่มเติม รวมทั้งได้ประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งครั้งนี้บริษัทฯ ได้เสนอแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งได้แสดงถึงความตั้งใจที่จะลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูงโดยเร็วที่สุด เพียงแต่ต้องการเวลาในการหาทางออกเรื่องเงื่อนไขในสัญญาร่วมทุนฯ ร่วมกับหน่วยงานเจ้าของโครงการก่อนที่จะยื่นขอออกบัตรส่งเสริม ประกอบกับหน่วยงานเจ้าของโครงการได้แจ้งว่า กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพิ่มเติมกับบริษัทด้วย
"เมื่อพิจารณาเหตุผลและข้อมูลของบริษัทฯ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บีโอไอจึงเห็นว่า การขยายเวลาในการส่งเอกสารเพื่อออกบัตรส่งเสริมครั้งที่ 3 จะช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งบริษัทฯ อีอีซี และ รฟท. มีระยะเวลาพอสมควรในการเจรจาหาข้อสรุปร่วมกัน จึงได้พิจารณาให้ขยายเวลาออกไปอีก 4 เดือน จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 22 ม.ค.67 ทำให้บริษัทฯ มีเวลาในการส่งเอกสารจนถึงวันที่ 22 พ.ค.67" นายนฤตม์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน กำหนดให้บีโอไอสามารถอนุมัติขยายเวลาในการส่งเอกสารเพื่อออกบัตรส่งเสริมได้เพียง 3 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 4 เดือน ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว จึงขอให้ทั้งสามฝ่ายเร่งหาทางออกร่วมกันโดยเร็ว เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าตามกรอบเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงของบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ได้รับการอนุมัติจากบีโอไอเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.65 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ยื่นขอขยายเวลาตอบรับมติให้การส่งเสริม และขอขยายเวลาการส่งเอกสารเพื่อออกบัตรส่งเสริม 2 ครั้งจนถึงวันที่ 22 ม.ค.67 ต่อมาบริษัทฯ ขอขยายเวลาออกบัตรส่งเสริมอีกเป็นครั้งที่ 3
หลังจากนั้นบีโอไอได้ทำหนังสือสอบถามความเห็นจากทั้งอีอีซี และ รฟท. ซึ่งให้ความเห็นว่า ความล่าช้าของโครงการจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่อีอีซี และความเชื่อมั่นของนักลงทุน อีกทั้งการเจรจาแก้ไขสัญญาร่วมทุนฯ ไม่มีผลต่อการขอรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จึงควรเร่งรัดให้บริษัทฯ ส่งเอกสารเพื่อออกบัตรส่งเสริมโดยเร็ว และไม่ควรขยายเวลาออกไปอีก บีโอไอจึงมีคำสั่งไม่อนุมัติให้ขยายเวลาตามความเห็นของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อเร่งรัดให้รีบยื่นเอกสารภายในกำหนดเวลา
ต่อมา บริษัทฯ ไม่ได้ส่งเอกสารตามเวลาที่กำหนด และได้ยื่นขออุทธรณ์ โดยให้เหตุผลว่า การเจรจาเงื่อนไขในสัญญาร่วมทุนฯ ระหว่างอีอีซี รฟท. และบริษัทฯ เป็นเรื่องสำคัญที่จะส่งผลต่อการจัดหาเงินทุนของโครงการ จำเป็นต้องขอเวลาเพิ่มเติมเพื่อหารือกับทั้งสองหน่วยงานให้แล้วเสร็จ จึงขอให้บีโอไอพิจารณาทบทวนคำสั่งดังกล่าว หลังพูดคุยกับทุกฝ่ายแล้วบีโอไอจึงมีคำสั่งให้ขยายเวลาการส่งเอกสารออกบัตรส่งเสริมอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายตามที่ พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน ให้อำนาจไว้ เพื่อเปิดทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หารือแก้ไขปัญหาต่างๆ ร่วมกัน