ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์เศรษฐกิจไทยสำหรับปี 67 เติบโตที่ 2.6% ปรับลดจาก 3.1% ที่ประเมินก่อนหน้า เนื่องจากโมเมนตัมในการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ชะลอตัว ตามมาตรการกระตุ้นการบริโภคจากภาครัฐที่ลดลง ประกอบกับฐานที่อยู่ในระดับสูงของปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ความล่าช้าในการอนุมัติงบประมาณปี 2567 ก็อาจกระทบให้การใช้จ่ายด้านการลงทุนของภาครัฐเป็นไปได้ไม่เต็มที่ ขณะที่ปัจจัยภายนอกประเทศ ก็ยังมีอีกหลายความเสี่ยง อาทิ การชะลอของเศรษฐกิจโลก และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 67 คาดว่าจะทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ถึงแม้ว่ายังไม่มีการอนุมัติงบประมาณปี 2567 แต่มีความเป็นไปได้ที่ภาครัฐจะเร่งเบิกจ่ายเม็ดเงินของงบประมาณประจำปี 2566 ที่เหลืออยู่ ซึ่งคงส่งผลให้การใช้จ่ายภาครัฐไม่หดตัวรุนแรงอย่างเช่นในไตรมาสก่อนหน้า (Q4/66) ขณะที่การส่งออกไทย ก็คาดว่าจะทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น แม้ความขัดแย้งในทะเลแดง จะกระทบต่อต้นทุนและระยะเวลาการขนส่งสินค้า
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยที่เติบโตชะลอลง คงจะเพิ่มความเป็นไปได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงกลางปี 67 นี้
สำหรับเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/66 ขยายตัวต่ำกว่าคาดที่ 1.7% YoY และหากเปรียบเทียบกับไตรมาส 3/66 จะหดตัวที่ -0.6%QoQ สะท้อนโมเมนตัมเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแรงลง ทั้งนี้ ปัจจัยกดดันหลักของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/67 มาจากการลงทุนภาครัฐที่หดตัวลงอย่างมาก และปริมาณสินค้าคงคลังที่ลดลง ท่ามกลางภาคการผลิตที่ชะลอลง ประกอบกับผลผลิตทางการเกษตรที่ลดลงจากผลกระทบของเอลนีโญ
ส่วนทั้งปี 66 เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพียง 1.9% ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ที่ 2.5% ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวกลับมาสูงกว่าระดับก่อนวิกฤติโควิด (เทียบกับระดับ ณ ไตรมาส 4/62) เพียง 0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคค่อนข้างมาก โดยส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีศักยภาพในการเติบโตน้อยกว่าประเทศอื่นๆ