น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงข้อเสนอของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ที่ต้องการให้ ธปท. ผ่อนคลายมาตรการชำระขั้นต่ำบัตรเครดิตที่ 5% ต่ออีกระยะหนึ่ง จากปัจจุบันที่ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 8% ว่า จะต้องนำมาหารือข้อดีข้อเสีย ซึ่งการจ่ายขั้นต่ำนาน ๆ ผลประโยชน์ทจะไปเกิดกับเจ้าหนี้ และที่ผ่านมา ผู้ประกอบการบัตรเครดิต 11 ราย ให้ความร่วมมือในการตัดวงจรหนี้ โดยมีการปรับเปลี่ยนประเภทหนี้ ลดวงเงินชำระ และอัตราดอกเบี้ยแล้ว
ส่วนกรณีที่มีการจับกุมพนักงานธนาคารรายหนึ่ง ที่ขายข้อมูลลูกค้าให้บุคคลภายนอกนั้น ธปท.อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยต้องแยกเป็น 2 ประเด็น คือ 1.ข้อมูลที่หลุดไปเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากระบบหรือไม่ ในกระบวนการมีการปกป้องข้อมูล การเข้าถึงและการนำข้อมูลไปใช้อย่างไร หรือ 2.เกิดจากพนักงานทุจริต ซึ่งจากการดำเนินการตรวจสอบของธนาคาร ได้ให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวออก และมีการฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
"ธปท.ได้เข้าไปดู พร้อมกับประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งต่อไป จะให้ธนาคารรายที่มีปัญหาดังกล่าว ออกมาเล่ารายละเอียดที่เกิดขึ้น ถ้าเรื่องทุกอย่างมีความชัดเจน ยอมรับว่า ถ้าเจอคนที่ตั้งใจมาโกง มันก็ป้องกันได้ยาก แต่ธนาคารก็ต้องทำให้เห็นว่าจะมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับพนักงาน เพราะถือว่าเป็นความผิดที่มีโทษร้ายแรง" น.ส.สุวรรณี กล่าว
ส่วนกรณีประเด็นที่มีการระบุว่า มีการดูดเงินออกจากบัญชีเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ธปท.ชี้แจงว่า กรณี Bin Attack ได้รับรายงานแล้ว และเคยเกิดขึ้นมาแล้ว 1-2 ครั้ง ซึ่งหากพบว่าเป็นความผิดพลาดของธนาคาร ก็ต้องให้การดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่
"ธปท.ก็พยายามทำเต็มที่ เท่าที่ทำได้ เมื่อเกิดเหตุ ก็มีการติดตามทันที แต่ก็ขอฝากให้ผู้ใช้บริการ ต้องดูแลความเสี่ยงของตัวเองด้วย ช่วยกันดูทั้ง 2 ด้าน เพราะแอปพลิเคชั่นถือเป็นแหล่งข้อมูล และทรัพย์สินที่สำคัญไปแล้ว" น.ส.สุวรรณี ระบุ