นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่นว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องจัดประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาปรับดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมทั้งเห็นว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินก่อนเวลาอันควร จะทำให้เสถียรภาพด้านการเงินของไทยเผชิญกับความเสี่ยงว่า เป็นสิทธิ์ของผู้ว่าฯ ธปท. เพราะ ธปท.เป็นหน่วยงานอิสระ รัฐบาลไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาโดยตรง แต่ยืนยันว่าสิ่งที่เรียกร้องไปมีเหตุผล
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า เมื่อถึงเวลาสมควรจะมีการนัดหมายกับผู้ว่าธปท. เพื่อมาพูดคุยกัน ซึ่งที่ผ่านมาเคยเรียกร้องเรื่องการลดดอกเบี้ยไปแล้ว 3 ครั้งนั้น ก็ยืนยันว่าจะเรียกร้องต่อไปเป็นครั้งที่ 4 ครั้งที่ 5 "ก็ต้องคุยต่อไป พยายามต่อไป ด้วยเหตุด้วยผล ตัวเลขการชี้นำเศรษฐกิจต่างๆ ก็บ่งบอกอะไรหลายๆ อย่าง 2.5% ยังมีรูมเหลือเยอะแยะ ถ้าเกิดมีวิกฤติอะไรเกิดขึ้น 0.25% ไม่ได้เป็นอะไรที่จะทำให้ไม่สามารถเคลื่อนนโยบายต่างๆ ได้" นายเศรษฐา กล่าว ส่วนการที่ผู้ว่าฯ ธปท.ระบุว่า ถ้าลดดอกเบี้ยเร็วเกินไป จะส่งต่อภาวะหนี้ครัวเรือน เพราะเป็นโอกาสให้มีการก่อหนี้เพิ่มขึ้นนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หนี้ครัวเรือนในปัจจุบันสูงอยู่แล้ว คนที่ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยได้มีเพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยค้างจ่ายก็ไปอยู่ที่หนี้ครัวเรือน และทำให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นอีก นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า รองผู้ว่าฯ ธปท. เคยมาพูดคุยกับตนว่า ถ้าลดดอกเบี้ยลง คนที่มีเงินฝากธนาคารก็อาจไปดูเรื่องสินทรัพย์เสี่ยงที่มีมากขึ้น เพื่อหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่วันนี้เรากำลังพูดคุยถึงคนที่อยู่ฐานราก ดังนั้นจึงอยากให้ผู้ว่าฯ ธปท.คำนึงถึงประชาชนในมิติอื่นๆ ด้วย
นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า เรื่องนี้แม้จะมีความเห็นต่างกัน แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้งกัน หรือเป็นบรรยากาศที่ไม่น่าทำงานร่วมกัน พร้อมย้ำถึงความสัมพันธ์กับผู้ว่าฯ ธปท.ว่ายังคงให้เกียรติซึ่งกันและกัน
https://www.youtube.com/watch?v=VL-nw5vMQPY