นายกฯ โชว์วิชั่นดัน "สุวรรณภูมิ" กลับเข้า Top 50 โลกใน 1 ปี ก่อนยกชั้นพุ่งขึ้น Top 20 ใน 5 ปี

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 1, 2024 11:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกฯ โชว์วิชั่นดัน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงวิสัยทัศน์ "IGNITE THAILAND, AVIATION HUB" โดยประกาศว่า จะยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิให้กลับไปติดอันดับ 1 ใน 50 ของโลกภายใน 1 ปี จากนั้นจะผลักดันให้ขึ้นไปติดอันดับ 20 ของโลกภายในเวลา 5 ปี จากก่อนหน้านี้ในปี 2548 สนามบินสุวรรณภูมิเคยอยู่ในอันดับที่ 13 แต่ปัจจุบันตกมาอยู่อันดับที่ 68 แล้ว

"เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการบิน จะต้องยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิให้ติดอันดับ 1 ใน 50 ของสนามบินที่ดีที่สุดในโลก ภายในระยะเวลา 1 ปี และติดอันดับ 1 ใน 20 ของโลก ภายในระยะเวลา 5 ปี เป็นความฝันที่ต้องการให้เป็นจริง วันนี้ผมขอประกาศว่า เราตื่นจากความฝันแล้ว ขอให้ทุกคนตื่นมาร่วมกันพัฒนาให้ความฝันเป็นจริง ทุกคนมีส่วนร่วมทำฝันให้เป็นจริง ขอให้กำลังใจ ขอให้ทุกคนช่วยดึงศักยภาพ ช่วยกันทำความฝันให้เป็นจริง" นายกฯ กล่าว
นายกฯ โชว์วิชั่นดัน
*แผนขยายขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

รัฐบาลมีแผนจะขยายขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้รองรับผู้โดยสารได้ 150 ล้านคน/ปีภายในปี 2573 ซึ่งขณะนี้ทางบมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) ได้เปิดใช้อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรือ SAT-1 สามารถรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคน/ปี เป็น 60 ล้านคน/ปีภายในระยะเวลา 6 เดือน

นอกจากนี้ในปี 2567 นี้ เตรียมจะเปิดใช้ทางวิ่งเส้นที่ 3 จะต้องทำให้เสร็จภายในเดือนตุลาคม 2567 หรือเร็วกว่านั้น ซึ่งจะสามารถรองรับเที่ยวบินจาก 68 เที่ยวต่อชั่วโมง เป็น 94 เที่ยวต่อชั่วโมง และมีแผนจะก่อสร้างขยายอาคารผู้โดยสารทางทิศตะวันออก - ทิศตะวันตก ให้สามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 30 ล้านคน/ปี และยังมีแผนจะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารทางทิศใต้ ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอีก 60 ล้านคน/ปี รวมถึงมีแผนจะก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 4 รองรับเที่ยวบินได้ถึง 120 เที่ยวบินต่อชั่วโมงอีกด้วย

นายกฯ โชว์วิชั่นดัน

รวมทั้งจะมีการปรับปรุงขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองให้มีความคล่องตัว รวดเร็วมากกว่านี้ และจะต้องแก้ไขปัญหาได้ภายใน 6 เดือน รวมถึงการเปิดระบบเช็คอิน โหลดสัมภาระแบบอัตโนมัติ ก่อนเครื่องบินจะขึ้น 6 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ผู้โดยสาร

"มั่นใจว่า 6 เดือนจากนี้ จะมีการให้บริการ ที่รวดเร็ว สะดวกมากขึ้น รวมไปถึงขั้นตอนการถ่ายสินค้าต้องเชื่อมโยง รวดเร็ว สะดวกขึ้น และเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวดีขึ้น โดยจะต้องทำให้ก้าวแรกที่ก้าวเข้ามาสู่ประเทศไทยของผู้โดยสารเกิดความประทับใจ"
นายกฯ โชว์วิชั่นดัน
*ท่าอากาศยานดอนเมือง

รัฐบาลมีแผนจะเปลี่ยนสนามบินให้เป็นสนามบินแบบ POINT-TO-POINT มีจุดเด่นให้บริการเข้าออกได้เร็วขึ้น ขยายขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจากเดิม 30 ล้านคน เป็น 50 ล้านคน/ปีภายในปี 2573 ผ่านการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิม และจะขยายอาคาร 1 และอาคาร 2 เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ รองรับผู้โดยสารได้ 27 ล้านคน/ปี และจะสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศใหม่ รองรับผู้โดยสารได้ 23 ล้านคน/ปี

รวมถึงมีแผนจะก่อสร้างอาคาร Junction Building เป็นที่พื้นเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ให้เป็นแหล่งจัดแสดงสินค้าโอทอปและจำหน่ายสินค้าโอทอป และพัฒนาให้เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยว พร้อมทั้งจะยกระดับการให้บริการทุกภาคส่วน เพิ่มพื้นที่จอดรถได้มากถึง 7,600 คัน และจะเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนทางรางรถไฟฟ้าสายสีแดงให้เดินทางเข้าออกเมืองได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงจะพัฒนาศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) ร่วมกับเอกชนอีกด้วย

*ท่าอากาศยานภูเก็ต/มีแผนสร้างสนามบินแห่งที่ 2

รัฐบาลจะพัฒนาส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบิน รองรับผู้โดยสารจากเดิม 12.5 ล้านคน/ปี เป็น 18 ล้านคน/ปีภายในปี 2573 และกำลังอยู่ในช่วงศึกษาโครงการพัฒนา Seaplane & Ferry Terminal พัฒนาพื้นที่อากาศยานขึ้น-ลงในทะเล เพื่อรองรับผู้โดยสารชั้นสูง เชื่อมต่อไปยังเกาะสมุย เกาะช้าง และหัวหิน เป็นต้น

รัฐบาลมีแผนจะสร้างสนามบินภูเก็ตแห่งที่ 2 หรือ ท่าอากาศยานอันดามัน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนภูเก็ต พังงา กระบี่ รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 40 ล้านคน ตั้งเป็นฮับการบินภาคใต้เชื่อมเส้นทางระยะไกล (Long-haul Flight) ทั้งเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศแบบ Point to Point และจะพัฒนาสะพานสารสินเพื่อรองรับจำนวนรถได้มากขึ้น และให้เรือขนาดใหญ่สามารถผ่านได้

*ท่าอากาศยานเชียงใหม่/มีแผนก่อสร้างสนามบินแห่งที่ 2

รัฐบาลมีแผนจะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศและปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิม ที่รองรับจำนวนนักท่องเที่ยวจากเดิมได้เพียง 8 ล้านคน/ปี เป็น 16.5 ล้านคน/ปีภายในปี 2572 และยังมีแผนจะก่อสร้างสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 หรือท่าอากาศยานล้านนา ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอีก 20 ล้านคน/ปี และจะเป็น Homebase ของสายการบิน อย่าง Thai VietJet เป็นต้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะยกระดับสนามบินทั่วประเทศ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกี่ยวกับระบบบริการผู้โดยสารสมัยใหม่เข้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการให้มีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจะพัฒนาครัวไทยสู่การเป็นครัวของโลก ผ่านการผลิตอาหารให้กับสายการบินต่าง ๆ ส่งเสริมการใช้ผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพของไทย นำนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตอาหาร ไปจนถึงต่อยอดเมนูอาหารไทยที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติสู่อาหารบนเครื่องบินที่ดีที่สุดในโลก

อีกทั้งมีแผนจะขยายอุตสาหกรรมการบำรุงรักษาให้กลายเป็นศูนย์กลางการบำรุงรักษาทั้งเครื่องบินพาณิชย์และเครื่องบินส่วนตัว มีระบบคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิเพื่อกระจายสู่ประชากรกว่า 280 ล้านคนทั้งไทย มาเลเซีย สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ