นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว ตัวอย่างจากหลาย ๆ ประเทศที่เริ่มเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้ว แม้กระทั่งจีนที่เป็นศูนย์กลางของการผลิต ก็มีปัญหาด้านอสังหาฯ ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจได้รับผลกระทบ ส่งผลให้เกิดปัญหาในรูปแบบหนึ่งคือสินค้าจีนไหลออกมานอกประเทศจำนวนมาก โดยข้อมูลที่น่ากังวลของไทยคือตัวเลขภาคอุตสาหกรรมติดลบ ส่วนหนึ่งมาจากสินค้าจีนที่มีราคาถูกเข้ามาทดแทนสินค้าไทย ทำให้ความต้องการผลิตสินค้าไทยลดลงพอสมควร
อย่างไรก็ตาม นายกอบศักดิ์ มองว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากที่ธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ เริ่มลดดอกเบี้ยตามสหรัฐ จะทำให้บรรยากาศที่กดดันค่อย ๆ ดีขึ้น ซึ่งหากเกิดการปรับลดดอกเบี้ยพร้อมกันในหลายประเทศ จะทำให้เศรษฐกิจโลกกลับเข้าสู่การฟื้นตัวรอบใหม่
สำหรับเศรษฐกิจไทยมีความท้าทายตั้งแต่ช่วงต้นปีจากแรงกดดันของปัจจัยต่างประเทศ แต่ก็มีแรงขับเคลื่อนมาจากการท่องเที่ยวที่จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยปี 67 ขยายตัวได้อย่างน้อย 2% และจากภาคการส่งออกที่เริ่มฟื้นตัวในช่วงปลายปีที่แล้ว การลงทุนจากต่างประเทศ และการบริหารงบประมาณของภาครัฐ เชื่อว่าจะหนุนให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ในระดับ 3%
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยท้าทาย คือ ปัญหาเศรษฐกิจจีนที่ยังต้องติดตามต่อเนื่อง เพราะส่งผลกระทบกับหลายประเทศ ซึ่งมองว่าเศรษฐกิจจีนอาจเข้าสู่ช่วงคับขันมากกว่าปัจจุบันได้ และต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา รวมทั้งความขัดแย้งทางการเมือง อาทิ สงครามในตะวันออกกลาง และความไม่แน่นอนทางการเมืองทั่วโลกที่ยังคงอยู่ในอนาคตข้างหน้า รวมทั้งการเตรียมการเรื่อง มาตรการการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) ซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อการส่งออกสินค้าไปยังประเทศอื่น ๆ จึงต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้า
"ช่วงนี้เศรษฐกิจอาจจะผันผวนเยอะ มีความท้าทายสูง แต่ความท้าทายก็จะจบลง การดำเนินธุรกิจผ่านวัฏจักรขึ้นลงอยู๋เสมอ เราต้องมองไปข้างหน้าว่าเราจะอยู่กับมันอย่างไร และเรื่องคาร์บอน หรือ CBAM จะมีความท้าทายอย่างยิ่งที่เราต้องเตรียมการวันนี้"