กระทรวงการคลัง รับลูกนายกรัฐมนตรีตามที่ได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง พิจารณากำหนดมาตรการควบคุมการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการงานก่อสร้าง จากกรณีปัญหาการก่อสร้างถนนพระราม 2 ที่เกิดปัญหาล่าช้า เพื่อให้สามารถควบคุมผู้รับเหมาให้ปฏิบัติตามสัญญา ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน
ปัจจุบัน กรมบัญชีกลางอยู่ในระหว่างเสนอ 2 มาตรการสำคัญ เพื่อควบคุมการปฏิบัติงานและเพิ่มโอกาสการแข่งขัน ดังนี้
1. มาตรการในการควบคุมการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการ
1.1 เพิ่มหลักเกณฑ์การประเมินการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการงานก่อสร้าง
กรมบัญชีกลาง จะออกหลักเกณฑ์การประเมินการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการงานก่อสร้าง โดยเพิ่มเครื่องมือให้กับหน่วยงานของรัฐ ให้สามารถ "ระงับ" หรือ "จำกัด" การยื่นข้อเสนอของผู้ประกอบการได้ หากผู้ประกอบการรายใดมีผลการปฏิบัติงานล่าช้ากว่าแผนงานที่กำหนดไว้ หรือไม่สามารถปฏิบัติงานแล้วเสร็จตามสัญญา หรือปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามมาตรฐาน จนส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
1.2 การลงโทษผู้ประกอบการที่ไม่มีคุณภาพ
กรมบัญชีกลาง จะเสนอคณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการงานก่อสร้าง โดยจะนำผลการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการแต่ละสัญญา มาประกอบการพิจารณาในการปรับลดระดับชั้นการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการงานก่อสร้าง รวมทั้งเพิ่มมาตรการลงโทษ สำหรับผู้ประกอบการที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยมีโทษสูงสุดคือการเพิกถอนใบทะเบียน
1.3 การเพิ่มคุณภาพผู้ประกอบการ
กรมบัญชีกลาง จะเสนอคณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ให้มีการเพิ่มข้อกำหนดมาตรฐานการทำงานสำหรับการขึ้นทะเบียนของผู้ประกอบการชั้นพิเศษ เช่น ใบรับรองมาตรฐาน ISO 9001 เป็นต้น เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีมาตรฐานและคุณภาพการทำงานที่สูงขึ้น โดยจะให้ผู้ประกอบการมีเวลาเพียงพอในการเตรียมการขอใบรับรอง
2. การเพิ่มโอกาสการแข่งขัน
กรมบัญชีกลาง จะเสนอคณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ให้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการงานก่อสร้าง โดยเพิ่มสิทธิในการเสนอราคาผู้ประกอบการงานก่อสร้าง สาขางานก่อสร้างทาง ชั้น 1 ให้มีสิทธิเสนอราคางานก่อสร้างในมูลค่างานที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการที่มีศักยภาพให้มีโอกาสขึ้นชั้น และมีโอกาสในแข่งขันมากขึ้น
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว จะช่วยให้หน่วยงานของรัฐมีเครื่องมือในการควบคุมผลการปฏิบัติงานที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และสามารถกำกับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามสัญญา อีกทั้งช่วยให้หน่วยงานของรัฐ ได้คู่สัญญาที่มีศักยภาพ และมีผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาดี
รวมทั้งเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่ ที่มีศักยภาพให้เข้ามาแข่งขันเพิ่มขึ้น และลงโทษผู้ประกอบการที่ไม่สามารถดำเนินการตามสัญญา อันจะทำให้การบริหารงานโครงการงานก่อสร้างของภาครัฐมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
"กรมบัญชีกลาง จะเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้มีผลใช้บังคับโดยเร็วต่อไป" โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าว