เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบเงินยูโรในการซื้อขายช่วงบ่ายวันนี้ (8 พ.ค.) หลังมีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้ ในขณะเดียวกันข้อมูลเศรษฐกิจในเขตยูโรโซนที่ซบเซาก็อาจกดดันให้ธนาคารกลางยุโรปต้องลดดอกเบี้ย
เดวิด โคเฮน ผู้อำนวยการฝ่ายการคาดการณ์เศรษฐกิจเอเชียจากแอคชั่น เอโคโนมิคส์ กล่าวว่า เฟดไม่น่าจะลดดอกเบี้ยอีกในปีนี้ เนื่องจากจำเป็นต้องหันไปควบคุมอัตราเงินเฟ้อบ้าง
"ยังมีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้" นายโคเฮนกล่าว
ตัวเลขค้าปลีกในเขตยูโรโซนร่วงลงเกินคาดกว่า 1.6% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยภาคการผลิตในเขตยูโรโซนได้เข้าสู่ภาวะชะลอตัวแล้ว ในขณะเดียวกันเงินยูโรที่แข็งค่าก็ส่งผลกระทบต่อการส่งออกด้วย
"ธนาคารกลางยุโรปได้รับแรงกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ และอาจต้องลดดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว" นายโคเฮนกล่าว
อย่างไรก็ตาม มีกระแสคาดการณ์อย่างกว้างขวางว่า ธนาคารกลางยุโรปน่าจะตรึงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ 4% ในการประชุมคืนนี้ หลังจากที่ตรึงดอกเบี้ยมาตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ แคนาดา และอังกฤษ ต่างประกาศลดดอกเบี้ยเพื่อลดผลกระทบจากวิกฤตสินเชื่อ
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงานว่า ณ เวลา 13.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (12.00 น.ตามเวลาประเทศไทย) เงินยูโรซื้อขายที่ระดับ 1.5310 ดอลลาร์ต่อยูโร ลดลงจาก 1.5349 ดอลลาร์ต่อยูโรในช่วงเช้าที่ตลาดออสเตรเลีย และจาก 1.5389 ดอลลาร์ต่อยูโรในตลาดนิวยอร์กเมื่อวานนี้
อีกปัจจัยที่ช่วยหนุนเงินดอลลาร์คือ ถ้อยแถลงของนายโธมัส โฮนิค ประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขาแคนซัส ซิตี้ ที่กล่าวว่า ควรมีการใช้นโยบายการเงินเพื่อควบคุมดัชนีราคาผู้บริโภคในสหรัฐ และเน้นย้ำว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--