นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการ "โคแสนล้าน" นำร่อง ดำเนินการภายใต้กรอบวงเงินสินเชื่อของสถาบันการเงินที่กำหนด กรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท ให้สินเชื่อแก่กองทุนหมู่บ้านฯ สำหรับให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ที่มีประวัติดี สามารถกู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพเลี้ยงโค จำนวน 100,000 ครัวเรือน ครัวเรือนละ 50,000 บาท
โฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า นายสมศักด์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ข้อมูลในที่ประชุมครม.ว่า การออกแบบโครงการนี้ภาครัฐจะไม่เป็นคนจัดซื้อโค แต่ให้ประชาชนที่กู้เป็นคนตัดสินใจเลือกซื้อแม่โคเอง
ทั้งนี้ เงินกู้ที่ได้เพื่อนำไปซื้อโคนั้น จะให้เริ่มผ่อนชำระคืนในปีที่ 3 ซึ่งดอกเบี้ยที่เกิดจากสถาบันการเงิน ส่วนหนึ่งรัฐจะช่วยชดเชยดอกเบี้ยให้ แต่ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินยังไม่ได้กำหนดชัดเจน ซึ่งที่ประชุมครม. ได้มอบให้คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน ร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ไปประชุมร่วมกัน เพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ย
สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการนี้ จะช่วยสร้างความเข้มแข็ง และยกระดับการผลิตของเกษตรกรรายย่อยและเอกชน ให้สามารถเลี้ยงโคเนื้อเชิงอุตสาหกรรม ตอบสนองต่อการบริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ สร้างรายได้เพิ่ม ลดความยากจนของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ได้อย่างน้อย 120,000 บาท ในระยะเวลา 5 ปี ต่อแม่โค 1 ตัว ดังนี้
1. แม่โคปลด จะสร้างรายได้จากการขายโคได้ 18,000 บาท
2. โค 1 ปี สร้างรายได้ 20,000 บาท
3. โค 2.5 ปี สร้างรายได้ 25,000 บาท
4. โคเพิ่งคลอด สร้างรายได้ 7,000 บาท
5. โค 4 ปี สร้างรายได้ 20,000 บาท
6. โคเพิ่งคลอด สร้างรายได้ 7,000 บาท
7. โค 2 ปี ตั้งท้อง 3 เดือน สร้างรายได้ 23,000 บาท
อนึ่ง โครงการ "โคแสนล้าน" เป็นการผลักดันของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งได้ผลักดันโครงการดังกล่าวมาแล้วหลายรัฐบาล เป็นเวลานานถึง 20 ปี และเพิ่งได้รับความเห็นชอบในหลักการในรัฐบาลชุดของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี