นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่า ขณะนี้คณะทำงานได้ไปรับฟังความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ กว่าร้อยองค์กรทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมคำตอบที่ได้เพื่อจะส่งให้กับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ซึ่งคาดว่าจะไม่เกินวันที่ 29 มี.ค.นี้
ขั้นตอนต่อไป สศค.จะนำคำตอบทั้งหมดสรุปเสนอให้กับที่ประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในช่วงก่อนสงกรานต์นี้ ว่าจะตัดสินใจอย่างไรกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
"ตอนนี้ก็ได้เห็นอีก step ว่าตามที่องค์กรอิสระแนะนำมา เราก็ได้ทำทั้งหมดแล้ว คือการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน เป็นร้อยองค์กร ซึ่งคณะทำงานที่ไปรับฟังความเห็นมาแล้วนั้น จะรวบรวมคำตอบที่ได้ส่งมาให้ สศค.ภายใน 2 สัปดาห์ หรือไม่เกินวันที่ 29 มี.ค.นี้ เพื่อให้ สศค.ได้ประมวลคำตอบที่ได้ทั้งหมด เสนอเข้าคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ ก่อนสงกรานต์นี้ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร" ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว
สำหรับคำถามที่ใช้ในการรับฟังความเห็น เช่น ความเห็นที่มีต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน, ความต้องการให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือในส่วนใดบ้าง เป็นต้น
ปลัดกระทรวงการคลัง คาดว่า เศรษฐกิจไทยตั้งแต่เดือนเม.ย. หรือตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป จะเริ่มเห็นความคึกคักมากขึ้น เนื่องจากจะเริ่มมีเม็ดเงินงบประมาณลงสู่ระบบเศรษฐกิจ หลังจากที่ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ และมีผลบังคับใช้
โดยช่วงที่ผ่านมาที่งบประมาณรายจ่ายปี 67 ยังไม่สามารถนำออกมาใช้ได้นั้น มาตรการต่างๆ ด้านการคลังก็ได้นำออกมาใช้อย่างเต็มที่แล้ว เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับหนึ่ง รวมทั้งการที่กรมบัญชีกลาง ได้มีมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่าย ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการต่างๆ ไว้ เพราะเมื่อ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 ได้รับการอนุมัติแล้ว ก็จะสามารถเบิกจ่ายเงินในโครงการต่าง ๆ ได้ทันที
"การดูแลเศรษฐกิจในช่วงที่งบประมาณยังไม่ผ่าน เป็นสิ่งสำคัญมาก อะไรทำได้ ก็ต้องทำก่อน เช่น กรมบัญชีกลาง ที่มีมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่าย ก็เตรียมไว้ก่อน เพราะเมื่อมีงบประมาณลงมาแล้ว จะได้เดินหน้าเบิกจ่ายได้ทันที...ที่ผ่านมา มาตรการด้านการคลัง เราก็ทำอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยในการหมุนเศรษฐกิจ" นายลวรณ ระบุ