นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) แถลงภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน ก.พ.67 โดยสถานการณ์เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น จากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 จำนวนนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งนักท่องเที่ยวต่างประเทศและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อน
ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป
- เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 5.7% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 5.7% ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 63.8 จากระดับ 62.9 ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และสูงสุดในรอบ 48 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี การบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งและยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -20.1% และ -10.0% ตามลำดับ และรายได้เกษตรกรที่แท้จริงลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -1.7%
- เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า การลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 27.1% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า 16.4% ขณะที่ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -29.4%
สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -7.7% และลดลง เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า -0.5% ขณะที่ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -15.4%
- มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 23,384.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 3.6% และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า เพิ่มขึ้น 2.3% ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวดีขึ้นในตลาดทวีปออสเตรเลีย สหรัฐฯ และอินโดจีน-4 รวมทั้งกลุ่มตลาดอื่น ๆ อาทิ ตลาดรัสเซีย และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (Commonwealth of Independent States: CIS)
- เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน สำหรับภาคบริการมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 3.35 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 58.6% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า 39.7% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย รัสเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย ตามลำดับ
เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย จำนวน 22.2 ล้านคน ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 9.1% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า 6.9% ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -7.5% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล -0.6%
สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 90.0 จากระดับ 90.6 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ และเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักของไทย
- เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี: สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ -0.77% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.43% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน ม.ค.67 อยู่ที่ 62.2% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ก.พ.67 อยู่ในระดับสูงที่ 251.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ