นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เตรียมเสนอของบประมาณปี 2568 วงเงินราว 1.9 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในการบริหารจัดการ โดยเป็นการกลับมาขอใช้งบประมาณอุดหนุนกองทุนครั้งแรกตั้งแต่ปี 61 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนกฎหมายใหม่ของ กยศ. ทำให้อัตราการชำระหนี้คืนต่ำลง จึงทำให้ยอดเงินที่จะต้องคืนกลับมาที่กองทุนลดลงไปด้วย ขณะเดียวกันรายรับอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับต่างๆ ก็ลดลงไปด้วย
กยศ. ยังมีภาระในการดำเนินการปรับปรุงยอดหนี้ (Recalculate) ของผู้กู้ยืมบางรายที่มีสถานะปิดบัญชีได้ทันทีและต้องคืนเงินส่วนที่ชำระเกินให้กับผู้กู้ยืม ซึ่งมียอดที่ต้องเตรียมดำเนินการอีกกว่า 6 พันล้านบาท จากก่อนหน้านี้ได้มีการจ่ายคืนให้ผู้กู้ยืมที่ชำระเกินไปแล้วกว่า 97 ล้านบาท
"ยืนยันว่าที่ กยศ. ต้องกลับไปขออุดหนุนงบประมาณนั้นไม่ได้เกิดจากปัญหาสภาพคล่อง หรือการบริหารกองทุน แต่เรามีการประเมินในเบื้องต้นแล้วว่าจะต้องมียอดที่ต้องจ่ายคืนให้ผู้กู้ยืมที่ชำระเกินเท่าไหร่ ขณะเดียวกัน เงินจากการชำระหนี้ที่จะต้องได้กลับเข้ามาในกองทุนมันลดลง" นายลวรณ กล่าว
นายลวรณ กล่าวว่า การขอใช้งบประมาณ ปี 2568 วงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาทนั้น จะเป็นการขอเพียงครั้งเดียว ไม่ได้ขอทุกปี เพราะตามความเป็นจริงสภาพคล่องของ กยศ. ก็มีประมาณหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องไปบริหารจัดการ
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวว่า ปีนี้มีการประเมินว่าอัตราการชำระคืนจะลดลงไปราว 5% ขณะที่ในปีการศึกษา 2567 นั้น ตั้งวงเงินสำหรับปล่อยกู้เพื่อนักเรียน นักศึกษา ราว 4.8 หมื่นล้านบาท ส่วนเป้าหมายตัวเลขการชำระหนี้ที่จะคืนกลับเข้ามาที่กองทุน อยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท แต่ยืนยันว่า กยศ. ยังมีวงเงินเพียงพอที่จะรองรับการปล่อยกู้นักเรียน นักศึกษาที่มีความต้องการใช้เงินในปีการศึกษา 2567 ได้อย่างแน่นอน ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด