นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า ราคายางแผ่นรมควัน ชั้น 3 ในตลาดกลางยางพาราปัจจุบันมีการปรับตัวลงมาบ้างเล็กน้อย เนื่องจากที่ผ่านมา ราคายางแผ่นรมควันปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต.ค. 66 โดยราคาแตะสูงสุด ณ ตลาดกลางยางพาราสงขลา เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ราคาอยู่ที่ 94.44 บาท/กก.
ดังนั้น การที่ราคายางที่ปรับตัวลงบ้างเป็นเรื่องของการ "ย่อตัว" ลงเล็กน้อยของราคายางแผ่นรมควันในตลาด เพื่อเข้าสู่จุดสมดุลระหว่างราคายางแต่ละชนิด ก่อนที่จะคงระดับราคา และมีโอกาสที่ทิศทางราคาจะปรับสูงขึ้นได้อีก
"เรามองว่า ราคายางปัจจุบันเป็นการพักราคาหรือราคาย่อตัวลงมา มันเหมือนกับเป็นการปรับฐานราคาเพื่อเข้าสู่สมดุล เนื่องจากช่วงก่อนหน้าราคายางแผ่นรมควันมีราคาเพิ่มขึ้นสูงเมื่อเทียบกับยางชนิดอื่น แต่ตอนนี้ราคายางถือว่ายืนระดับค่อนข้างคงที่แล้ว และจะมีทิศทางที่ราคายางจะปรับเพิ่มขึ้นได้อีก และหากเมื่อเปรียบเทียบราคาซื้อขายยางของไทย ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าราคายางของประเทศอื่นๆ" ผู้ว่าการ กยท. กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ที่ประมูลผ่านตลาดกลางยางพาราของ กยท. พบว่า ราคายางที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงต.ค. 66 จนถึงปัจจุบันนั้น มีการย่อตัวของราคาในลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ก่อนปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และทำจุดสูงสุดใหม่ในวันที่ 19 มี.ค. 67 ที่ราคา 93.55 บาท/กก.
ด้าน น.ส.อธิวีณ์ แดงกนิษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจยาง กยท. กล่าวว่า ราคายางจะปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่มีการพักฐานจากเหตุผล 2 ประการ คือ ความต้องการยางในตลาดโลกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ "ยางล้อ" ในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ผู้ประกอบการต้องการยางเพิ่มขึ้น จึงทำการสต็อกวัตถุดิบยางเพิ่มมากขึ้น เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการผลิตส่งมอบไตรมาส 3-4/67 ในขณะที่ความต้องการใช้ยางสวนทางกับปริมาณผลผลิตในปัจจุบัน โดยเฉพาะในเดือนเม.ย.นี้ ที่คาดว่าจะมีผลผลิตยางออกสู่ตลาดเพียง 100,000 ตัน
ส่วนอีกปัจจัยที่สำคัญ คือ การจัดระบบข้อมูลเพื่อตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มายางพาราของไทย ตั้งแต่เกษตรกร พิกัดสวนยาง การพัฒนาระบบข้อมูลการซื้อขายยางผ่านตลาดกลางยางพารา จนถึงข้อมูลการส่งออกยาง โดยเชื่อมระบบเข้าด้วยกันสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้อย่างเป็นรูปธรรมของ กยท. เพื่อรองรับกฎหมายว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า (EUDR) จะสามารถช่วยให้ผู้ซื้อยางใน EU มั่นใจที่จะซื้อยางจากประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นอีก ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ยางไทยมีแนวโน้มที่สดใส และยังไปได้ต่อ