นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง อาศัยเวลาปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "นักธุรกิจรุ่นใหม่กับโอกาสในการสร้างธุรกิจและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ" หลักสูตร Next Real กดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 10 เม.ย.นี้
"ดอกเบี้ยแพงโคตร ถึงเวลายังไม่ลดอีก ผมว่ามันตลก เงินเฟ้อ -0.8% ถึงแม้เอามาตรการรัฐสนับสนุนที่ลดค่าใช้จ่ายออกไปแล้ว อย่างมากเงินเฟ้อก็อยู่ที่ 0.2% แต่กรอบที่วางไว้ 1-3% วันนี้ก็ยังไม่ลดดอกเบี้ย พวกเราเองก็เดือดร้อน ผมก็เป็นคนอสังหาริมทรัพย์มาก่อน จะไปเรียกร้องให้มันหนักกว่านี้ ผมเองก็ลำบากใจ เดี๋ยวจะหาว่าทำเพื่อตัวเองอีก แต่ดอกเบี้ยเป็นเรื่องสำคัญที่กำหนดกำลังซื้อก็ว่าได้" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนั้น ยังเห็นว่าควรยกเลิกมาตรการ LTV ที่เคยออกมาใช้เพื่อหวังจะสกัดการเก็งกำไร เพราะในวันนี้ไม่มีใครพูดถึงการทำตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อเก็งกำไร ดังนั้น เรื่อง LTV ควรเอาออกไปได้แล้ว อย่ามีทิฐิ แต่บังเอิญว่า รมว.คลัง ไม่มีอำนาจตรงนี้ที่จะทำได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ เศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องกระตุ้น ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นภาคธุรกิจหนึ่งที่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลควรกระตุ้นเรื่องนี้ แต่ติดตรงที่มีนายกรัฐมนตรีมาจากภาคอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นหากจะทำอะไรก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบ ระมัดระวัง และจะต้องเกิดประโยชย์สูงสุดต่อประเทศเป็นหลัก
พร้อมยืนยันว่า กรณีที่รัฐบาลอนุญาตให้ต่างชาติสามารถครอบครองที่ดิน 1 ไร่ได้นั้น ไม่ใช่การขายชาติ และไม่ใช่การแย่งคนจนเข้าถึงที่อยู่อาศัย เพราะขนาดโครงการที่จะขายให้กับต่างชาติอยู่ในระดับสูงถึง 50-100 ล้านบาท และเห็นว่าทุกคนควรก้าวข้ามประเด็นการขายชาติไปได้แล้ว
"เอะอะอะไรก็ขายชาติ มันขายไม่ได้ เพราะชาติ คือจิตวิญญาณพวกเรา คือ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยจะไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้นแน่นอน ส่วนที่จำกัดระยะเวลาการใช้แค่ 6 เดือน เพราะต้องการให้เกิดการใช้จ่ายเงินโดยเร็ว เกิดสึนามิของการใช้จ่าย แต่การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นความจำเป็น ซึ่งไม่ได้หมายถึงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเดียว แต่อีกหลายเรื่องที่จะต้องทำ ซึ่งเราจะทำต่อไป ผลที่จะเกิดขึ้นคงต้องรออีกพอสมควร คิดว่าจะใช้เวลาประมาณ 18 เดือน
ส่วนที่มีผู้วิจารณ์ว่าเดินทางไปต่างประเทศบ่อยแต่ไม่มีผลงานนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จุดประสงค์ที่เดินทางไปต่างประเทศกว่า 10 ครั้งในรอบ 7 เดือน ก็เพื่อประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทยเปิดแล้วเพื่อรองรับการลงทุน ต้องการให้เกิดการลงทุนเกิดขึ้น เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมทุกภาคส่วนของประเทศไทย ทำให้ประชาชนมีกินมีใช้ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ผลงานคงยังไม่ออกมาให้เห็นได้ในตอนนี้ เพราะยังต้องให้เวลาในการตัดสินใจเข้ามาลงทุน
"คุณจะทำคอนโดฯ หมู่บ้านจัดสรร ใช้เวลาตัดสินใจเท่าไหร่กว่าจะตอกเสาเข็ม ผลงานยังไม่ออกหรอก คอยไปก่อน วันนี้ขี้เกียจไปตอบ พวกที่อยู่บนหอคอยทั้งหลาย ลงมามือเปื้อนดิน ตีนเปื้อนโคลนบ้าง?ไม่สนุกหรอกเดินทางไปเมืองนอก ลำบากไม่ใช่เอ็นจอย แต่เป็นหน้าที่ที่จะต้องทำ" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายเศรษฐา ยังกล่าวด้วยว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานก็เป็นเรื่องสำคัญ หากไม่มีสนามบินสุวรรณภูมิ วันนี้ประเทศไทยจะอยู่ตรงไหนของโลก ส่วนสนามบินดอนเมือง ได้มีการไปพูดคุยกับทางกองทัพ เพื่อขอพื้นที่สนามกอล์ฟของกองทัพ มาทำเป็นศูนย์ซ่อมเครื่องบินของโบอิ้งหรือแอร์บัส หรือเป็นพื้นที่ของไพรเวทเจต ซึ่งเรื่องนี้สำคัญ และต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
"ก็มีวาทกรรมบอกว่า นายกฯ เลียรองเท้าบูทบ้างอะไรบ้าง ผมไม่ได้เลีย แต่เราพูดคุยด้วยภาษาที่เหมาะสม ผมไม่ได้ไปบอกว่าทหารมีพื้นที่เยอะไป ยึดพื้นที่มา ผมไม่ได้ไปยึด ผมไปขอ ไปพูดคุย และไม่ได้บอกว่าจะไปยึดคืนทุกที่ แต่ไปขอร้องอธิบายให้ฟัง ถ้าท่านคืนสนามกอล์ฟตรงนี้มา ประโยชน์กับประเทศไทยจะไปขนาดไหน ท่านต้องการอะไรเป็นผลตอบแทน เขาบอกว่าสนามกอล์ฟปีละ 5 ล้านบาทไม่เป็นไรผมให้ เอาสนามกอล์ฟออกไป ตรงนั้นจะเป็น Part 1 ของสนามบินดอนเมือง" นายกรัฐมนตรี กล่าว