นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลกประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารโลก (World Bank) ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ลงเหลือโต 2.8% จากประมาณการเดิมที่ 3.2% โดยยังไม่รวมผลของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เนื่องจากการส่งออกและการลงทุนภาครัฐที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งเป็นผลมาจากความล่าช้าในการอนุมัติงบประมาณปี 2567 ส่วนหนี้สาธารณะ คาดว่าจะยังสูงกว่า 60% ต่อจีดีพีเล็กน้อย
พร้อมประเมินว่า ถ้ามีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะทำให้ GDP โตเพิ่มอีก 1% โดยโครงการดังกล่าว จะส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีกราว 2%
ขณะที่คาดว่าการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก โดยการท่องเที่ยวคาดว่าจะกลับเข้าสู่ระดับก่อนโควิดได้ในช่วงกลางปี 2568 มีนักท่องเที่ยวต่าชาติกลับมาถึง 90% ของช่วงก่อนโควิด
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 67 จะชะลอตัวลงมาอยู่ในระดับต่ำเพียง 1% เนื่องจากการอุดหนุนราคาพลังงาน ขณะที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน จะยังคงเป็นบวก ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 67 จะเกินดุลที่ 1.3% ของ GDP
ธนาคารโลก คาดการณ์ว่า ในระยะกลางนี้ ไทยจะเผชิญกับความท้าทายในการแก้ไขปัญหาการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ, ปัญหาโลกร้อน และความจำเป็นในการกำหนดนโยบายป้องกันวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ในอนาคต
ส่วนในด้านค่าเงินนั้น ธนาคารโลกมองว่าเงินบาทของไทยยังคงมีเสถียรภาพ เนื่องจากดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาอยู่ในภาวะเกินดุล แม้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกก็ตาม
พร้อมกันนี้ ธนาคารโลก ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวได้ 3.0% และ 3.1% ในปี 2569