สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เตรียมจัดคณะเดินทางไปโรดโชว์การลงทุน ณ มณฑลกวางตุ้ง และมณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 7-10 เม.ย.67 เพื่อเชิญชวนการลงทุนจากผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ ให้เข้ามาลงทุนตั้งฐานผลิตแบตเตอรี่ต้นน้ำระดับเซลล์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของซัพพลายเชนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และพลังงานสะอาดของประเทศ ตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี)
"จะไปเชิญชวนให้ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำของโลก เข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ในประเทศไทย ทั้งเพื่อจำหน่ายในประเทศ และใช้ไทยเป็นฐานการส่งออก" นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 ก.พ.67 บอร์ดอีวีที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธานได้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ก.พ.67 คณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (บอร์ดกองทุนเพิ่มขีดความสามารถฯ) ที่มีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ เป็นประธาน ได้เห็นชอบหลักเกณฑ์และสิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุนตามมาตรการดังกล่าว
โดยกำหนดเงื่อนไขในการขอรับการส่งเสริมไว้ 4 ประการ คือ
(1) ต้องเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำ ที่มีการใช้งานโดยผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า
(2) ต้องเป็นการผลิตเซลล์แบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า แต่สามารถผลิตเซลล์แบตเตอรี่สำหรับระบบกักเก็บพลังงานในโครงการเดียวกันด้วยก็ได้
(3) ต้องผลิตเซลล์แบตเตอรี่ที่มีค่าพลังงานจำเพาะ ไม่น้อยกว่า 150 Wh/Kg
(4) ต้องมีจำนวนรอบการอัดประจุ (Life Cycle) ไม่น้อยกว่า 1,000 รอบ
โดยผู้ลงทุนที่ได้รับการส่งเสริม จะได้รับสิทธิประโยชน์หลายด้าน เช่น ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลาสูงสุดไม่เกิน 15 ปี, ยกเว้นภาษีจากเงินปันผล, ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร, ยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก, ลดหย่อนอากรขาเข้าไม่เกิน 90% ของอัตราปกติสำหรับวัตถุดิบที่นำเข้ามาผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศ, ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนา นอกจากนี้ ยังจะได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนในการลงทุน การวิจัยและพัฒนา หรือการพัฒนาบุคลากร
สำหรับวิธีการให้สิทธิประโยชน์ จะเป็นรูปแบบการเจรจาเป็นรายโครงการ โดยคณะกรรมการฯ จะคำนึงถึงแผนการลงทุน, ขนาดกำลังการผลิต, การเชื่อมโยงและสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า, ระดับของเทคโนโลยี, แผนการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยี, การจ้างงานและการพัฒนาบุคลากร และประเด็นอื่น ๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับห่วงโซ่อุปทาน และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ในการโรดโชว์ครั้งนี้ บีโอไอจะพบกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งล้วนเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ 10 อันดับแรกของโลก อาทิ บริษัท Contemporary Amperex Technology (CATL), China Aviation Lithium Battery (CALB), Inpow Battery Technology (IBT), Eve Energy, Gotion High-tech, Sunwoda และ SVOLT Energy Technology เพื่อนำเสนอศักยภาพด้านการลงทุนของประเทศไทย พร้อมทั้งสิทธิประโยชน์และมาตรการสนับสนุนของรัฐ
นอกจากนี้ ยังจะพบกับบริษัท XPeng Motor ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ ที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ เพื่อหารือแผนการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในระยะต่อไปด้วย
ปัจจุบัน บีโอไอได้อนุมัติให้การส่งเสริมในกิจการที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าทั้งสิ้น 103 โครงการ เงินลงทุนกว่า 77,000 ล้านบาท โดยเป็นการส่งเสริมในกิจการผลิตแบตเตอรี่ 40 โครงการ เงินลงทุนประมาณ 25,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า 24 โครงการ เงินลงทุนรวม 13,000 ล้านบาท
ส่วนที่เหลือเป็นการผลิตแบตเตอรี่ที่มีความจุสูง (High-Density Battery) สำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ 16 โครงการ เงินลงทุนรวม 12,000 ล้านบาท โดยโครงการเกือบทั้งหมด เป็นการผลิตในขั้นโมดูลและแพ็คเท่านั้น ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะดึงบริษัทชั้นนำของโลก มาลงทุนผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ในประเทศไทย
"โรดโชว์ครั้งนี้ มีเป้าหมายชัดเจนที่จะมุ่งเจาะกลุ่มบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับโลกจากจีน เพื่อดึงให้เข้ามาตั้งฐานผลิตเซลล์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นวัตถุดิบต้นน้ำที่มีความสำคัญอย่างมาก ต่อการสร้างความเข้มแข็ง และเติมเต็มซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า จะทำให้ไทยเป็น Hub ของการผลิตแบตเตอรี่ และยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร อีกทั้งยังช่วยต่อยอดให้กับอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด ที่ต้องใช้แบตเตอรี่ในระบบกักเก็บพลังงานด้วย" นายนฤตม์ กล่าว