นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า จากราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้ไทยส่งออกทองคำเพิ่มขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง โดยเดือนม.ค.67 ส่งออกมูลค่า 469.12 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 194.17% เทียบเดือนม.ค.66 ส่วนเดือนก.พ.67 มูลค่า 740.46 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นถึง 309.51% เทียบเดือนก.พ.66
ช่วง 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) ปี 67 อยู่ที่ 1,209.58 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 255.46% จากช่วงเดียวกันปี 66 ซึ่งเป็นการส่งออกไปเก็งกำไร จากราคาตลาดโลกที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทองคำและเครื่องประดับทอง เป็นที่ต้องการของตลาดเพิ่มขึ้น
ส่วนการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ เดือนก.พ.67 หากรวมทองคำ มีมูลค่า 1,865.68 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 56.13% และถ้าไม่รวมทองคำ อยู่ที่ 1,125.22 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 10.96% ฟื้นตัวต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน ส่วนช่วง 2 เดือน ส่งออกอัญมณีฯ รวมทองคำ มีมูลค่า 3,031.76 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 57.26% และไม่รวมทองคำ 1,822.18 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 14.78%
นายสุเมธ กล่าวว่า สาเหตุที่การส่งออกเดือนก.พ.67 ฟื้นตัวต่อเนื่อง เป็นผลจากการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ความเชื่อมั่นด้านการบริโภคที่กลับมา ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อโลกขยายตัวต่อเนื่อง และมีการจัดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศสำคัญ เช่น ฮ่องกง และกาตาร์ ทำให้มีความต้องการเพิ่มขึ้น รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ได้แสวงหาคู่ค้ารายใหม่ ส่งผลให้มีการส่งออกได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ตลาดส่งออกสำคัญเพิ่มขึ้นเกือบทุกตลาด โดยสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 8.46%, ฮ่องกง เพิ่มขึ้น 34.90% ,เยอรมนี เพิ่มขึ้น 15.85%, อินเดีย เพิ่มขึ้น 84.95%, เบลเยียม เพิ่มขึ้น 70.30%, สหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้น 2.76%, กาตาร์ เพิ่มขึ้น 27.41% , ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 15.27% แต่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ลดลง 16.70%, อิตาลี ลดลง 0.03%
ส่วนสินค้าส่งออกสำคัญ ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น โดยทองคำ เพิ่มขึ้น 309.51%, เครื่องประดับทอง เพิ่มขึ้น 12.77%, เครื่องประดับเงิน เพิ่มขึ้น 30.29%, พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพิ่มขึ้น 14.78%, พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน เพิ่มขึ้น 37.63% เพชรก้อน เพิ่มขึ้น 4.76% เป็นต้น
"แนวโมการส่งออก คาดว่าจะยังฟื้นตัวต่อเนื่อง จากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นของประเทศสำคัญๆ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และที่เศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัว และเติบโตขึ้นในหลายส่วน แต่ยังคงต้องจับตาความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่อาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน" นายสุเมธ กล่าว
ส่วนแนวทางการทำธุรกิจ จะต้องเน้นการเพิ่มคุณค่าให้แบรนด์ ทั้งการนำเสนอสินค้าในมุมมองใหม่ๆ การผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์สร้างความพึงพอใจ และแก้ปัญหาให้ลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์มีจุดขายชัดเจน สร้างคุณค่าที่แตกต่างจากรายอื่นๆ และเข้าถึงลูกค้าที่ต้องการสินค้าจริงๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายอย่างยั่งยืน และมีประสิทธิภาพ