"จุลพันธ์" มั่นใจดิจิทัลวอลเล็ตไม่ล่ม บทพิสูจน์ "คิดใหญ่ ทำยาก แต่ต้องทำ"

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 18, 2024 17:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง แสดงความมั่นใจเป็นอย่างสูงว่ารัฐบาลจะสามารถดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้สำเร็จอย่างแน่นอน ภายในไตรมาส 4/67

สำหรับประเด็นที่สังคมเป็นห่วงว่าโครงการนี้จะเอื้อประโยชน์ให้กับทุนใหญ่ เพราะร้านค้าสะดวกซื้อเข้าร่วมโครงการได้นั้น กระทรวงการคลังเองก็มีข้อสังเกตในประเด็นนี้ แต่ขณะเดียวกันข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ก็มีเหตุผล เพราะปัจจุบันในต่างจังหวัดร้านค้าย่อยที่เป็นร้านสะดวกซื้อก็มีเป็นจำนวนมาก ร้านค้าเหล่านี้ก็จำหน่ายทั้งสินค้าอุปโภค บริโภค อีกทั้งยังทำให้เกิดการผลิต และการจ้างงานในพื้นที่ด้วย ดังนั้นด้วยความที่เป็นภาครัฐ ก็คงไม่สามารถจะเลือกปฏิบัติได้

ทั้งนี้ ร้านค้าสะดวกซื้อที่เข้าร่วมโครงการ เมื่อรับชำระดิจิทัลวอลเล็ตจากประชาชนที่ได้รับสิทธิ์แล้วในรอบแรก จะยังไม่สามารถไปขึ้นเป็นเงินสดได้ทันที แต่จะต้องนำเงินดิจิทัลที่ได้ไปซื้อสินค้าตรงจากผู้ผลิต เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนในการนำสินค้ากลับมาขาย โดยจะสามารถขึ้นเงินได้ก็ต่อเมื่อมีการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ตรอบที่ 2 เป็นต้นไปแล้ว โดยกำหนดให้ใช้จ่ายภายใน 6 เดือน และคาดว่าเงินจะหมุนเวียนอยู่ในระบบ 1 ปี

รมช.คลัง กล่าวว่า ดิจิทัลวอลเล็ต ถือเป็นเรื่องใหม่ เป็นครั้งแรกของโลกในการทำนโยบายการคลัง ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลทำให้เห็นแล้วว่า คิดใหญ่ ทำยาก แต่ต้องทำ เพราะคนคิดเกม คือผู้ชนะ ประเทศไทยจำเป็นต้องมีนวัตกรรมการเงินใหม่ ๆ และเชื่อว่าจะทำให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ กระตุ้นการใช้จ่าย และเป็นเครื่องมือของรัฐในอนาคตสำหรับการกำหนดนโยบายที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย

"ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยอยู่ภาวะซึม ตามทฤษฎีกบต้ม จำเป็นต้องมีมาตรการเข้ามากระชากเพื่อให้เศรษฐกิจโงหัวขึ้นมาให้ได้ ร่วมกับมาตรการอื่น ๆ เช่น มาตรการอสังหาริมทรัพย์ การแก้หนี้ ดึงดูดการลงทุน กระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งต้องดูในองค์รวม ดูเป็นเฉพาะมาตรการไม่ได้ เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น" นายจุลพันธ์ กล่าว

ส่วนกรณีที่จะมีการใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งมีเสียงคัดค้านว่าไม่สามารถทำได้ เพราะอาจผิดกฎหมายนั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า คนที่ออกมาพูดเรื่องนี้ ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง คนพูดไม่มีความรู้เรื่องงบประมาณ ในเรื่องนี้เป็นนโยบายกึ่งการคลัง ไม่ใช่การกู้เงิน แต่ใช้กลไกธนาคารเฉพาะกิจของรัฐในการสนับสนุนนโยบายแก้ไขปัญหาให้ประชาชน และไปตั้งงบชดเชยในภายหลัง เช่น ตั้งงบคืน ธ.ก.ส. ปีละ 6-8 หมื่นล้านบาท โดยใช้เวลาแค่ 3 ปี ก็ชำระหนี้ส่วนนี้ได้ครบ

"ทำไมถึงไม่เชื่อส่วนราชการที่ได้พิจารณากฎระเบียบเงื่อนไขแล้ว เห็นว่าสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายทุกประการ เป็นไปตามกรอบอำนาจหน้าที่ และไม่มีการขยายเพดาน มาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 32% จะยังคงเป็นไปตามกรอบ" นายจุลพันธ์ กล่าว

พร้อมระบุว่า ในเรื่องนี้ กระทรวงการคลัง กำลังพิจารณาว่าจะต้องส่งคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือไม่ เพื่อให้พิจารณาข้อกฎหมายอีกชั้นว่าสามารถทำได้ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดคาดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และจบได้ภายในเดือน เม.ย.

* คลังเร่งศึกษาเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เดินหน้าต่อหรือไม่ ก่อนชงครม.

ส่วนความความคืบหน้าเรื่องการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ก่อนสงกรานต์ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปพิจารณา โดยกำหนดกรอบเวลา 30 วัน ก่อนเสนอกลับไปที่ ครม.ว่าจะเดินหน้าหรือไม่ โดยกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างทบทวน ตามรายงานผลการศึกษาผลกระทบการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรของสภาผู้แทนราษฎร ในเรื่องรูปแบบธุรกิจ ผลกระทบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

โดยจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น มาหารือ และมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ไปดูความเหมาะสมของกฎหมาย และประเด็นเพิ่มเติม ก่อนเสนอ ครม.ต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ