นายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ประธานคณะทำงานการกระจายรายได้ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สป.) กล่าวในงานสัมมนา "ความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน ประเทศไทยจะไปทางไหน" ว่า เร็ว ๆ นี้ สภาที่ปรึกษาฯ จะนำผลการศึกษาเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและผลักดันการปลูกมะพร้าวและจากแทนปาล์มและอ้อย เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเกิน 120 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำให้ต้องหันมาให้ความสนใจกับพืชพลังงานทดแทนมากขึ้น
โดยขณะนี้รัฐบาลให้ความสนใจกับพืชพลังงาน เช่น อ้อย และปาล์ม มากเกินไปจนถึงขั้นจะลดพื้นที่การเพาะปลูกข้าวลงมาอยู่ที่ประมาณ 25 ล้านไร่ ซึ่งสภาที่ปรึกษาฯ ไม่เห็นด้วย เนื่องจากจะต้องมีการปลูกพืชทั้งพลังงานและอาหารไปควบคู่กัน ดังนั้นจะเสนอให้รัฐบาลหันมาปลูกมะพร้าวแทนการปลูกปาล์ม และปลูกต้นจากแทนอ้อย เนื่องจากพืชดังกล่าวสามารถผลิตไบโอดีเซลและเอทานอลได้เช่นเดียวกันและยังเป็นพืชที่ไม่แย่งน้ำ สามารถปลูกข้าวในบริเวณที่ปลูกมะพร้าวได้
นายณรงค์ กล่าวว่า แม้ผลผลิตน้ำมันไบโอดีเซลจากมะพร้าวจะมีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับปาล์ม แต่เมื่อรวมกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้วจะทำให้เกตรกรมีรายได้มากกว่าปลูกปาล์ม เนื่องจากปาล์มเป็นพืชธุรกิจ ผู้ที่ได้รับประโยชน์คือ โรงงาน ประกอบกับราคาต้นทุนของการปลูกปาล์มสูงกว่า คืออยู่ที่ประมาณ 60 บาท/ต้น ขณะที่มะพร้าวอยู่ที่เพียง 6 บาท/ต้น และการส่งเสริมให้ปลูกมะพร้าวมากขึ้นก็จะช่วยให้คนหันมากบริโภคเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็จะมีปาล์มเหลือมาใช้ในภาคพลังงานทดแทนมากขึ้นด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/กษมาพร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--