"มิ่งขวัญ"ขู่อีกรอบใช้ไม้แข็งจัดการพ่อค้าหากไม่เลิกกดราคารับซื้อข้าว

          นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ขู่ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดจัดการกับพ่อค้าที่ยังมีพฤติกรรมเอาเปรียบชาวนาด้วยการกดราคารับซื้อข้าวเปลือก พร้อมส่งสัญญาณราคาแทรกแซงข้าวเปลือกเจ้าอยู่ที่ตันละ 12,000-14,000 บาท ส่วนข้าวหอมมะลิอยู่ที่ 19,000-20,000 บาท
          "ถ้าหากชาวนาไม่ได้รับความเป็นธรรม และยังมีขบวนการกดราคาข้าวจากชาวนา รัฐบาลจะใช้มาตรการด้านกฎหมายเข้าไปจัดการทันที และพร้อมจะนำงบประมาณเข้าไปรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรโดยตรง แม้ไม่อยากทำก็จะทำ เพื่อให้กลไกตลาดเดินหน้าต่อไปได้" นายมิ่งขวัญ กล่าว
          นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า สถานการณ์ราคาข้าวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะมีความต้องการซื้อจากทั่วโลก ซึ่งขณะนี้มียอดสั่งซื้อข้าวสูงถึง 6.7 ล้านตันแล้ว และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นไปไม่ได้ที่ราคาข้าวเปลือกในประเทศจะลดลง และไม่ใช่เหตุผลที่โรงสีจะงดรับซื้อข้าวจากชาวนา
          "หากโรงสีใดมีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่มีเงินหมุนเวียนเพื่อซื้อข้าวก็พร้อมที่จะช่วยเหลือ โดยขอให้ติดต่อกับ ธ.ก.ส.(ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) ส่วนผู้ส่งออกหากไม่มีออเดอร์ก็ขอให้ติดต่อกระทรวงพาณิชย์ เพราะมีคนติดต่อซื้อข้าวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง" นายมิ่งขวัญ กล่าว
          นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ขณะนี้เหลือข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ในมือชาวนาค่อนข้างน้อย โดยราคาข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ 19,000-20,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้าอยู่ที่ 12,000-14,000 บาทต่อตัน และข้าวเปลือกเหนียวอยู่ที่ 8,200-8,500 บาทต่อตัน ในระดับความชื้นไม่เกิน 15% แต่หากความชื้นสูงกว่านี้ราคาก็จะลดลงตามสัดส่วน
          สำหรับการส่งออกข้าวในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาไทยสามารถส่งออกข้าวได้แล้วราว 4 ล้านตัน ซึ่งเชื่อว่ายอดส่งออกที่ตั้งเป้าไว้ในปีนี้ที่ 9 ล้านตันจะเป็นไปตามเป้าหมาย และกำลังพิจารณามาตรการรองรับผลผลิตข้าวนาปรังที่จะออกมาในช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีผลผลิตราว 4.2 ล้านตันข้าวสาร 
          "หากจำนวนผลผลิตมีมากกว่าที่คาดไว้และหักการบริโภคภายในประเทศออกแล้ว ส่วนที่เหลือก็จะผลักดันให้มีการส่งออกก็จะทำให้การส่งออกข้าวทั้งปีเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้" นายมิ่งขวัญ กล่าว