บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองทิศทางดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (29 เม.ย.-3 พ.ค.) มีแนวรับอยู่ที่ 1,350 และ 1,335 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,370 และ 1,385 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (30 เม.ย.-1 พ.ค.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ (Flow) และผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ของ บจ.ไทย ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนเม.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเม.ย. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนเม.ย.ของจีน ญี่ปุ่นและยูโรโซน
สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปิดบวกหลังร่วงลงแรงในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่จุดสนใจของนักลงทุนกลับมาอยู่ที่การประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ของ บจ.ไทย โดยหุ้นไทยทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ต้นสัปดาห์ หลังจากร่วงลงแรงแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี 5 เดือนในสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางแรงซื้อหลักๆ จากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลบางส่วนต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ส่งผลให้มีแรงซื้อคืนหุ้นหลายกลุ่มนำโดยกลุ่มแบงก์ ซึ่งรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ออกมาค่อนข้างดี กลุ่มไฟแนนซ์ก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ตลอดจนกลุ่มโรงพยาบาล หลังผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายใหญ่แห่งหนึ่งรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ดีกว่าคาด
อย่างไรก็ดี กรอบการปรับขึ้นของหุ้นไทยเริ่มจำกัดในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากขยับขึ้นติดต่อกันหลายวันทำการและตอบรับปัจจัยบวกไปพอสมควรแล้ว โดยจุดสนใจของตลาดยังอยู่ที่การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/267 ของ บจ.ไทย รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนี PCE/Core Price Index เดือน มี.ค.ของสหรัฐฯ
ในวันศุกร์ที่ 26 เม.ย.67 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,359.94 จุด เพิ่มขึ้น 2.09% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 42,000.23 ล้านบาท ลดลง 27.60% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 2.27% มาปิดที่ระดับ 391.21 จุด