น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมติดตามแผนปฏิบัติการการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวช่วงกรีนซีซั่น ตามนโยบาย IGNITE Tourism Thailand พร้อมด้วย น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และผู้บริหาร ททท. เพื่อติดตามความคืบหน้าสถานการณ์และแนวโน้มการท่องเที่ยวปี 2567 ของตลาดต่างประเทศ และตลาดในประเทศ
โดยพบว่าในช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน ของทุกจะปี จะเป็นช่วงฤดูฝน (กรีนซีซั่น) เพื่อให้เมืองไทยเที่ยวได้ตลอด 365 วัน จะต้องไม่มีโลว์ซีซั่น ดังนั้น จะจัดทำแผนส่งเสริมการตลาดศักยภาพอย่างมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดนักท่องเที่ยวระยะใกล้ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวติด 1 ใน 3 ตลาดต่างประเทศที่เดินทางมาประเทศไทยมากที่สุดในปี 2567
โดยสถิติจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า นักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เดินทางมายังประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. -25 เม.ย.67 มีจำนวน 1,503,420 ราย เติบโต 21.61% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2566 และมีการฟื้นตัวของเที่ยวบินระหว่างประเทศคิดเป็น 83.59% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 และนักท่องเที่ยวมาเลเซีย เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเทศกาลอีฎิ้ลฟิตริ (Eid al-Fitr) หลังสิ้นสุดเทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิม ซึ่งตรงกับวันที่ 10-12 เม.ย.67 เมื่อเทียบกับช่วงเทศกาลดังกล่าวในปี 2566
ดังนั้น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้หารือเพื่อระดมความคิดในการจัดกิจกรรมบิ๊กอีเวนต์ต่อยอดความสำเร็จจากการจัดงาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวมาเลเซีย โดยสอดแทรก 5 กลยุทธ์หลักตามนโยบาย IGNITE Tourism Thailand ชูจุดขาย 5 สิ่งที่ต้องทำในประเทศไทย (5 Must Do in Thailand) เพื่อส่งเสริมสินค้าและบริการของไทยให้เป็นที่จดจำของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น Must Eat อาหารไทย Must Seek วัฒนธรรมไทย หรือ Must See โชว์ไทย
โดยกิจกรรมที่มีการวางแผน ได้แก่ เทศกาลอาหารทะเล จังหวัดสงขลา บริเวณพื้นที่สมิหลา รวบรวมร้านอาหารทะเล ดนตรีชายหาด และกิจกรรมเวิร์คช็อปเพื่อสร้างประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยว กิจกรรมถนนคนเดิน Carnival Walking Street จำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน พ่วงคอนเสิร์ตศิลปินที่เป็นขวัญใจของนักท่องเที่ยวมาเลเซีย รวมถึงกิจกรรม Amazing Beach Life Festival ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยกิจกรรมกีฬาทางน้ำ ศิลปะ ดนตรี การแสดงทางวัฒนธรรมร่วมสมัย เช่น การแสดงมโนราห์ Street Show และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น วางแผนการจัดงานในวันที่ 26-28 ก.ค.67 ณ จังหวัดสงขลา รวมถึงอีก 3 พื้นที่ศักยภาพ ได้แก่ จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดระยอง
นอกจากนี้ จะจัดคาราวานรถยนต์ โดยร่วมมือกับกลุ่ม eXpdc Club และ SICM Caravan เพื่อนำครอบครัวชาวมาเลเซียเดินทางท่องเที่ยวข้ามแดนมายังประเทศไทย ครั้งที่ 1 ในวันที่ 14-18 มิ.ย.67 จำนวน 120 คนลงพื้นที่หาดใหญ่-เกาะสมุย และครั้งที่ 2 ในวันที่ 26-30 มิ.ย.67 จำนวน 160 คน พื้นที่หาดใหญ่-จังหวัดกระบี่
พร้อมทั้งขยายผลด้านการสื่อสาร ผ่านการจัดทำชิ้นงานโฆษณาส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวช่วงฤดูฝน ในพื้นที่จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดพัทลุง และจังหวัดนครศรีธรรมราช สอดแทรก Soft Power ดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวครอบครัว กลุ่มนักท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางข้ามแดนมาเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์และกลุ่มขับรถเที่ยว
นอกจากนี้ ยังมีแผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย Joint Promotion ร่วมกับพันธมิตรด้านการท่องเที่ยวรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ การเข้าร่วมงาน Travel Fair ในตลาดระยะใกล้และระยะไกล เพื่อกระตุ้นความต้องการเดินทางช่วงกรีนซีซั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ตลาดนักท่องเที่ยวศักยภาพของไทยในปี 2567 พบว่า ตลาดระยะใกล้ ที่เดินทางเข้าไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลี ลาว และและตลาดที่มีศักยภาพฟื้นตัวสูงที่สุด ได้แก่ อินโดนีเซีย ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ส่วนตลาดระยะไกล 5 อันดับแรกที่เดินทางเข้าไทย ได้แก่ รัสเซีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส และตลาดที่มีศักยภาพฟื้นตัวสูงที่สุด ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนเธอร์แลนด์ สเปน คูเวต และคาซัคสถาน
ส่วนจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ตลอดปี 2567 คาดว่าจะได้ 192 ล้าน คน-ครั้ง สูงกว่าปี 2566 ที่มีจำนวน 184 ล้านคน-ครั้ง และสูงกว่าปี 2562 ที่มีจำนวน 172 ล้านคน-ครั้ง ซึ่งในช่วงของโลว์ซีซั่น ระหว่างเดือน พ.ค.-ก.ย.นี้ ททท. เตรียมกระหน่ำแคมเปญ "สุขทันที ที่เที่ยวหน้าฝน" เพื่อให้เกิดการเดินทางทั่วทุกภาคของประเทศไทย