กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประเมินกรอบเงินบาทในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 36.50-37.00 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 36.71 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 36.68-37.03 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินยูโร แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่สมาชิกธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แสดงมุมมองที่แตกต่างกันเรื่องจังหวะเวลาในการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรก ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเกินไป
อย่างไรก็ดี ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 เดือน ส่งผลให้ตลาดคาดหวังว่าภาคแรงงานที่ลดความร้อนแรงลง อาจทำให้เฟดลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น ทางด้านธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) คงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี แต่ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อลง โดยส่งสัญญาณว่า บีโออีอาจจะลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่นักลงทุนคาดไว้
ส่วนเงินเยนอ่อนค่าลง แม้ทางการญี่ปุ่นแสดงความกังวลมากขึ้นต่ออัตราแลกเปลี่ยน และผลกระทบต่อเงินเฟ้อ โดยปูทางไปสู่โอกาสการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป หลังจากญี่ปุ่นยุติการใช้ดอกเบี้ยติดลบเมื่อเดือนมีนาคม ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,597 ล้านบาท แต่มียอดซื้อพันธบัตรสุทธิ 436 ล้านบาท
สถานการณ์ตลาดในสัปดาห์นี้ จะติดตามข้อมูลเงินเฟ้อ และยอดค้าปลีกเดือนเมษายนของสหรัฐฯ รวมถึงความเห็นประธานเฟด โดยกรณีที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ สูงเกินคาด จะทำให้ผู้ร่วมตลาดตั้งคำถามอย่างจริงจังมากขึ้นว่า เฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยปีนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เรายังคงเชื่อว่า ตลาดได้ลดความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ไปไกลเกินไป ดังนั้นหากตัวเลขออกมาใกล้เคียง หรือต่ำกว่าที่นักลงทุนคาดไว้ จะเปิดความเสี่ยงด้านขาลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์ สนับสนุนการฟื้นตัวของสกุลเงินภูมิภาค รวมถึงเงินบาทในระยะข้างหน้า
นอกจากนี้ อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์เข้าสู่ช่วงพักฐาน คือ สัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจนอกสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากฝั่งยุโรป และจีน โดยในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะให้ความสนใจกับการเปิดเผยตัวเลขภาคการผลิต และบริโภคเดือนเมษายนของจีน หลังจากที่จีนรายงานว่ายอดส่งออกขยายตัว 1.5% ในเดือนเมษายน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากส่งออกหดตัว 7.5% ในเดือนมีนาคม ขณะที่ยอดนำเข้าของจีนพุ่งขึ้นเกินคาดที่ 8.4% ในเดือนเมษายน