นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมการพัฒนาสนามบิน เพื่อรองรับ International Flights ณ ท่าอากาศยานหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยนายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมจุดจำหน่ายตั๋วเครื่องบิน และตรวจบัตรโดยสาร ก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังห้องสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อดูพื้นที่ต่อขยาย หากมีปริมาณนักท่องเที่ยวต้องการเดินทางเข้ามาในพื้นที่จำนวนมาก ว่าสนามบินสามารถรองรับได้หรือไม่ ซึ่งมีการรายงานว่า ยังสามารถเปิดให้ใช้บริการได้ตามปกติ แต่ไม่มีเครื่องบินเข้ามา
นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามว่า นอกจากเที่ยวบินเชียงใหม่-หัวหินแล้ว มีเที่ยวบินไหนมาลงที่สนามบินนี้อีกบ้าง และในพื้นที่ภาคใต้มีเที่ยวบินมาลงหรือไม่ เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวมาเลเซียให้มาอยู่ในพื้นที่นานขึ้น โดยเสนอให้มีการเพิ่มเที่ยวบิน จากปัจจุบันมีเพียงการบินหัวหิน-เชียงใหม่ ให้เป็นหาดใหญ่-หัวหิน, มาเลเซีย-หัวหิน และอาจจะมีการเพิ่มเที่ยวบินจากภาคอีสานอีก 1 เที่ยวบิน
โดยทั้ง 4 เที่ยวบินนี้ จะต้องมีการบริหารจัดการเวลาให้ดี เพราะหัวหินเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของไทย และหากจะเสนอเปลี่ยนชื่อจากท่าอากาศยานหัวหิน เป็นท่าอากาศยาน "เพชร-หัวหิน" ตามเสียงเรียกร้องของประชาชนจะได้หรือไม่
"ถ้าหากเปลี่ยนชื่อ หรือเพิ่มชื่อขึ้นมา จะทำให้ประชาชนเข้าใจได้ว่าสนามบินหัวหินแห่งนี้ใกล้กับเพชรบุรี จึงอยากให้พิจารณาดูว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ เพื่อจะช่วยการขยายท่องเที่ยว และการเจริญเติบโตของเมืองไปยังจังหวัดเพชรบุรีด้วย เพราะหัวหินเป็นเมืองหลักอยู่แล้ว แต่จังหวัดเพชรบุรี ก็ควรเป็นเมืองที่น่าเที่ยว เพราะมีวัฒนธรรมที่หลากหลาย เช่น กิจกรรมวัวลาน นอกจากนี้ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวและโบราณสถานอีกหลายแห่ง อยากให้ดูเรื่องของ activity และการอัพเกรดสนามบิน จะเป็นตัวทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ชุมชนดีขึ้น จึงอยากให้ทางกระทรวงคมนาคม และการท่าอากาศยานดูเรื่องนี้ ว่าสามารถทำตรงไหนได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งในเรื่องการขยายรันเวย์ โดยจะต้องทำให้ถูกกฎหมายเพื่อรองรับไฟล์ทบินจากต่างประเทศ" นายกรัฐมนตรี กล่าว
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้รับฟังบรรยายสรุปแผนพัฒนาท่าอากาศยานหัวหิน ซึ่งภายหลังรับฟังบรรยายสรุปแล้ว นายกรัฐมนตรี ยังขออธิบายเพิ่มเติมถึงแผนการพัฒนาท่าอากาศยานหัวหินด้วยตนเอง ว่า ได้เห็นถึงศักยภาพของสนามบินแห่งนี้ มีการขยายรันเวย์ให้มากขึ้น และรองรับเที่ยวบินจากต่างประเทศ น่าจะทำเสร็จอีกภายใน 2 ปี โดยให้ปลัดกระทรวงคมนาคม ไปดูว่าจะสามารถร่นระยะเวลาในการก่อสร้างจาก 2 ปีให้แล้วเสร็จภายในปีครึ่งได้หรือไม่ เพื่อให้ทันไตรมาส 4/68 ซึ่งเป็นช่วง High Season ของฤดูการท่องเที่ยว เพื่อขยายสนามบินให้เป็น International
นายกรัฐมนตรี ระบุอีกว่า ช่วงก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถรองรับเที่ยวบินจากต่างประเทศได้ แต่ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย หรือ ICAO Stand ที่ยังไม่ได้มาตรฐานพอ ดังนั้น จึงจะต้องมีการขออนุมัติใหม่