ผลพวง Climate Change ฉุดผลผลิตข้าวทั้งประเทศลดลง 10%

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 20, 2024 15:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผลพวง Climate Change ฉุดผลผลิตข้าวทั้งประเทศลดลง 10%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change) สร้างความเสียหายโดยตรงต่อภาคเกษตรไทยที่ต้องพึ่งพาฟ้าฝนเป็นหลักในการเพาะปลูก โดยเฉพาะข้าวที่เป็นพืชเศรษฐกิจหลักให้มีผลผลิตลดลง ปัญหา Climate Change มีความแปรปรวนชัดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 จากก่อนหน้านี้อาจจะเกิดยาวนานขึ้นต่อรอบ เช่น ระยะเวลาการเกิดเอลนีโญตั้งแต่ปี 2559 กินเวลายาวนาน 10-19 เดือนต่อรอบ จากเพียง 5-9 เดือนต่อรอบในช่วงก่อนปี 2559 ขณะที่การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกก็ปรับสูงขึ้นด้วยเป็น 1 องศาเซลเซียส จาก 0.7 องศาเซลเซียส

ผลจาก Climate Change ที่รุนแรงขึ้นส่งผลให้ไทยซึ่งเป็นประเทศเกษตรกรรมที่ต้องพึ่งพาดินฟ้าอากาศเป็นหลักได้รับผลกระทบและกดดันต่อภาพรวมผลผลิตสินค้าเกษตรให้ลดลง สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรที่ปรับตัวลดลงในปี 2559-2566 มาเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 108 จากเฉลี่ยที่ระดับ 117 ในปี 2551-2558

พืชเกษตรสำคัญอย่างข้าวที่มีพื้นที่ปลูกมากที่สุดกว่า 44% ของพื้นที่เกษตรทั้งประเทศ ส่วนใหญ่อยู่นอกเขตชลประทานถึง 80% ของพื้นที่ปลูกข้าวทั้งประเทศ ทำให้ผลผลิตข้าวเฉลี่ยต่อปีลดลงจาก 34.6 ล้านตัน เป็น 31.5 ล้านตัน

*พื้นที่ปลูกข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับผลกระทบมากที่สุด

โดยพื้นที่ปลูกข้าวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับผลกระทบมากที่สุดเมื่อเทียบกับภาคอื่น เพราะมีสัดส่วนสูงถึง 43% ของผลผลิตข้าวทั้งประเทศ ตามด้วยภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้

หากเทียบช่วงเวลาก่อนและหลังปี 2559 พบว่า Climate Change ที่รุนแรงขึ้นทำให้ผลผลิตข้าวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือลดลงมากที่สุดเฉลี่ยถึง 1.5 ล้านตันต่อปี หรือลดลงกว่า 9.8% เนื่องจากพื้นที่ปลูกข้าวส่วนใหญ่อยู่นอกเขตชลประทานที่ปลูกข้าวนาปีเป็นหลัก จึงต้องพึ่งพาน้ำฝน ขณะที่ภาคเหนือและภาคกลางอาจได้รับผลกระทบรองลงมา เนื่องจากพื้นที่ปลูกข้าวส่วนใหญ่อยู่ในเขตชลประทานที่ปลูกข้าวนาปรัง ซึ่งยังสามารถพึ่งพาน้ำในเขื่อนได้ ทำให้ผลผลิตข้าวภาคเหนือลดลง 9.5% และภาคกลางลดลงที่ 8.4%

ในปี 2567 หน่วยงานหลักด้านสภาพภูมิอากาศคาดการณ์ว่า Climate Change จะมีความรุนแรงขึ้นอีกจากสภาพอากาศโลกที่แปรปรวน ซึ่งจะเกิดทั้งปรากฎการณ์เอลนีโญและลานีญาในปีเดียวกัน โดยองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) พยากรณ์ ณ เดือนพ.ค.67 ว่าสภาพภูมิอากาศโลกจะมีความแปรปรวนมากขึ้นในปี 2567 จากการเผชิญทั้งเอลนีโญที่ทำให้เกิดภัยแล้งในราวครึ่งปีแรก ซึ่งคาดว่า เอลนีโญจะอ่อนกำลังลงในเดือน พ.ค.นี้ จนอาจถือได้ว่าเอลนีโญสิ้นสุดลงด้วย และคาดว่าในครึ่งปีหลังราวช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.มีโอกาสสูงถึง 69% ที่จะพัฒนาเกิดเป็นลานีญาที่ทำให้เกิดฝนตกชุก โดยเฉพาะในเดือน ส.ค.-ต.ค.ที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าไทยอาจได้รับอิทธิพลจากลมพายุหมุนเขตร้อน 1-2 ลูก ทำให้เกิดฝนตกหนัก/น้ำท่วมฉับพลันได้ในบางพื้นที่

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภมิอากาศ (Climate Change) ในปีนี้อาจรุนแรงขึ้นอีก ทั้งจากปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญาที่ทำให้เกิดน้ำแล้งและน้ำท่วมในปีเดียวกัน ส่งผลให้ผลผลิตข้าวของไทยทั้ง 3 ภาคอาจลดลงเมื่อเทียบกับปี 2566 โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ข้าวอาจได้รับความเสียหายมากที่สุด ขณะที่ภาคเหนือและภาคกลางคงมีความเสียหายรองลงมาในระดับที่ใกล้เคียงกัน

โดยผลผลิตข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนืออาจลดลงมากที่สุดถึง 9%YoY จากข้าวนาปีที่เสียหายเป็นหลักจากลานีญาในครึ่งปีหลัง ขณะที่ทั้งผลผลิตข้าวภาคเหนือที่อาจลดลง 8.6%YoY และผลผลิตข้าวภาคกลางที่อาจลดลง 8.7%YoY จะเสียหายจากข้าวนาปรังเป็นหลักจากเอลนีโญในครึ่งปีแรก

สำหรับผลผลิตข้าวทั้งประเทศในปี 2567 คาดว่าอาจลดลง 10% จาก 33.6 ล้านตันในปี 2566 เป็น 30.4 ล้านตันในปี 2567 ซึ่งเป็นปริมาณข้าวใกล้เคียงกับช่วงปี 2563-2565 ที่มีผลผลิตข้าวเฉลี่ย 31.1 ล้านตัน เนื่องจากคาดว่าไทยอาจมีปริมาณฝนเฉลี่ยทั้งปี 2567 อยู่ที่ 1,620 มิลลิเมตร (คาดการณ์จากข้อมูลปริมาณฝนของกรมอุตุนิยมวิทยา) ซึ่งเป็นระดับปริมาณฝนที่ใกล้เคียงกับปี 2563-2565 ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 1,607 มิลลิเมตร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ