นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน เม.ย.67 อยู่ที่ 70,160 คัน ลดลง 12.23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะผลิตเพื่อส่งออกได้น้อยจากจำนวนวันทำงานน้อยในเดือนเม.ย. ขณะที่มีมูลค่าส่งออก 69,274.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการส่งออกรถยนต์ไฮบริด ที่มีมูลค่ามากขึ้น
ขณะที่ยอดส่งออกในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.67) อยู่ที่ 340,685 คัน ลดลง 3.66% และมูลค่าการส่งออกรถยนต์ 237,301.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.71% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ยอดส่งออกลดลง แต่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากการส่งออกรถยนต์ไฮบริดที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ปีนี้คาดว่ามูลค่าส่งออกยังโต 3%" นายสุรพงษ์ กล่าว
ขณะที่ยอดการผลิตรถยนต์ในเดือน เม.ย.67 มีทั้งสิ้น 104,667 คัน ลดลง 11.02% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการผลิตรถยนต์นั่งและรถกระบะเพื่อขายในประเทศลดลง 5.03% และ 45.94% ตามลำดับ สอดคล้องกับยอดขายที่ลดลง เพราะหนี้ครัวเรือนที่สูงและเศรษฐกิจเติบโตในอัตราต่ำ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมติดลบมาหลายเดือน กำลังซื้อยังเปราะบาง ส่งผลให้ยอดการผลิตในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 518,790 คัน ลดลง 17.05% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ขอรอดูอีกสัก 2 เดือนว่าจะปรับเป้าผลิตหรือไม่ เพราะยอดขายและยอดส่งออกลดลงอาจผลิตไม่ถึงเป้า" นายสุรพงษ์ กล่าว
ส่วนยอดขายในประเทศเดือน เม.ย.67 มีจำนวน 46,738 คัน ลดลง 16.69% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และลดลง 21.49% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการเข้มงวดในการอนุมุติสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของสถาบันการเงิน และเศรษฐกิจของประเทศเติบโตในระดับต่ำจากความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ทำให้การใช้จ่ายการลงทุนของรัฐบาลลดลงมากจนทำให้กำลังซื้อของประชาชนอ่อนแอลง ยอดขายรถยนต์จึงลดลงจากปีที่ผ่านมาจนตกไปเป็นอันดับ 3 รองจากประเทศมาเลเซียแล้ว
หลังงบประมาณปี 2567 มีผลบังคับใช้แล้ว หวังว่ารัฐบาลจะเร่งรัดการเบิกจ่ายและการลงทุน รวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต ซึ่งรัฐบาลได้กระตุ้นการซื้ออสังหาริมทรัพย์เมื่อเดือน เม.ย.แล้ว จึงขอรัฐบาลช่วยกระตุ้นการซื้อรถยนต์โดยเฉพาะรถยนต์สันดาปภายในและรถกระบะที่ใช้ชิ้นส่วนผลิตในประเทศกว่า 90% ซึ่งมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องจำนวนมากพอๆ กับอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้อุตสาหกรรมเหล่านี้มีการผลิตเพิ่มขึ้น จ้างงานเพิ่มขึ้น ประชาชนมีงานทำมากขึ้น รัฐบาลเก็บภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่สูงขึ้น
"เห็นหลายสำนักปรับลดเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจลง คิดว่ายอดขายในประเทศปีนี้ก็น่าจะลดลงด้วย ต้องรอดูว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ รวมถึงการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67" นายสุรพงษ์ กล่าว
- ยอดจดทะเบียนยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV)ในเดือน เม.ย.67 มีจำนวน 6,041 คัน ลดลง 16.60% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนสะสมรวม 35,755 คัน เพิ่มขึ้น 36.30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับถึงวันที่ 30 เม.ย.67 มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 167,334 คัน เพิ่มขึ้น 187.38% จากปีก่อน
- ยอดจดทะเบียนใหม่ของยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) มีจำนวน 10,414 คัน เพิ่มขึ้น 68.02% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนสะสมรวม 48,528 คัน เพิ่มขึ้น 58.41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง หลังมีการผลิตรถยนต์ประเภทนี้ขนาดเล็กที่มีราคาถูกลง และผู้บริโภคไม่กังวลเรื่องการชาร์จไฟ นับถึงวันที่ 30 เม.ย.67 มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 391,714 คัน เพิ่มขึ้น 35.06% จากปีก่อน
- ยอดจดทะเบียนใหม่ของยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) มีจำนวน 639 คัน ลดลง 18.49% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนสะสมรวม 3,349 คัน ลดลง 19.73% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับถึงวันที่ 30 เม.ย.67 มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 57,269 คัน เพิ่มขึ้น 23.07% จากปีก่อน
"คนไทยชื่นชอบเรื่องเทคโนโลยี ขณะที่รถมีราคาถูกกว่าเครื่องยนต์สันดาป" นายสุรพงษ์ กล่าว