นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมหารือกับบริษัทเอกชนรายใหญ่ของญี่ปุ่น 5 ราย ได้แก่ บริษัท Mitsui & Co., Ltd. บริษัท Ajinomoto บริษัท Sony Group Corporation บริษัท MUFG & Softbank และบริษัท Nidec Coper ในระหว่างปฎิบัติภารกิจที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
- บริษัท Mitsui ในการเจรจามีความคืบหน้าในการเตรียมลงนาม MOU อาจจะมีการตั้งฐานการผลิตเชื้อเพลิงพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน (SAF) ที่ใช้ในเครื่องบินที่ประเทศไทย ซึ่งทำมาจากซากพืชที่เหลือใช้จากภาคเกษตรกร เช่น ซากอ้อย เชื่อว่าเรื่องนี้จะสามารถลด PM 2.5 ได้อย่างดี โดยต้องมีการทำประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นก่อน
นอกจากนี้ได้มีการหารือในเรื่องปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา (OCA) ที่มีความคืบหน้าโดยสัปดาห์หน้าจะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อเดินหน้าต่อ
สำหรับบริษัท Mitsui & Co., Ltd. เป็นบริษัทการค้า การบริหารธุรกิจและการพัฒนาโครงการระดับโลก ติดอันดับ 1 ใน 5 ของญี่ปุ่น ดำเนินธุรกิจหลักในด้านพลังงาน ทรัพยากรแร่และโลหะ เหล็ก เป็นต้น มีสำนักงาน 125 แห่งใน 61 ประเทศทั่วโลก รวมถึงในไทย สิงคโปร์ (ROH) มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ลาว กัมพูชา และเมียนมา
- บริษัท Ajinomoto Co., Inc. โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่บริษัทมีการดำเนินธุรกิจและจัดตั้งโรงงานในไทยเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ จะมีการขยายโครงการในอนาคตอีกกว่า 10 โครงการ มีมูลค่าประมาณ 4,400 ล้านบาท นอกจากการลงทุนในไทยแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการร่วมพัฒนาคุณภาพผลผลิต (มันสำปะหลัง) ของเกษตรกรไทยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มผลิตภาพและคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งจะนำมาสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย โดยนายกรัฐมนตรีชื่นชมโครงการดังกล่าว เชื่อมั่นว่าจะเป็นพื้นฐานสนับสนุนไทยไปสู่การเป็น Agriculture and Food Hub อย่างยั่งยืน
บริษัท Ajinomoto Co., Inc. เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องปรุงรสและอาหาร อาหารแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและอื่น ๆ โดยแบ่งกิจกรรมทางธุรกิจเป็น 2 กลุ่ม คือ 1) ธุรกิจอาหาร ที่มีการนำ AminoScience ไปใช้กับเครื่องปรุงรสและอาหาร และอาหารแช่แข็ง 2) ธุรกิจ AminoScience ที่มีการนำ AminoScience ไปใช้กับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและอื่น ๆ โดยมีบริษัทในเครือ 135 แห่ง ตั้งอยู่ใน 36 ประเทศทั่วโลก และมีโรงงานผลิต 117 แห่งใน 24 ประเทศทั่วโลก โดยบริษัทมีการดำเนินธุรกิจผงชูรส โรงงานผงปรุงรสอาหารในจังหวัดกำแพงเพชร สระบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ ปทุมธานี และมีสำนักงานภูมิภาคในกรุงเทพฯ
- บริษัท Sony Group Corporation โดยนายกรัฐมนตรีได้หารือเกี่ยวกับการเปิดโรงงานที่ 4 ภายใต้บริษัท Sony Device Technology (Thailand) ที่สวนอุตสาหกรรมบางกระดี จังหวัดปทุมธานี โดยโรงงานแห่งใหม่นี้จะทำการประกอบ Semiconductor Laser สำหรับ Hard Disk Drive ที่ใช้ใน Data Center รวมถึงการประกอบ Image Sensor สำหรับการใช้งานในยานยนต์ ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับการอนุมัติแล้ว
โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นในศักยภาพของไทย และมีแนวโน้มการขยายการลงทุนในอนาคต เนื่องจากบทบาทของ AI Technology ที่ทำให้ความต้องการใช้งาน Data Center เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ได้เชิญบริษัท Sony เข้ามาจัดทัวร์นาเมนต์ E-Sports ที่ประเทศไทย ซึ่งจะสอดคล้องในเรื่องของการท่องเที่ยวและเฟสติวัล
ส่วนบริษัท Sony Group Corporation เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของโลก มีธุรกิจ 6 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. เกม และ Network Services 2. เพลง 3. วิดีโอและภาพยนตร์ เช่น ภาพยนตร์เรื่อง Spiderman 4. ความบันเทิง เทคโนโลยีและบริการ 5. โซลูชั่นด้านภาพและการตรวจจับ และ 6. บริการทางการเงิน โดยบริษัทมีฐานการผลิตในต่างประเทศ ได้แก่ ไทย เกาหลีใต้ มาเลเซีย จีน และ สหราชอาณาจักร ทั้งนี้ สินค้าหลักที่ผลิตในไทย ได้แก่ กล้อง (ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเพื่อการส่งออกทั่วโลก ยกเว้นจีน) และ Backend semiconductors
- บริษัท MUFG & Softbank เป็นบริษัททางการเงินที่มีเครือข่ายร่วมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา และเข้าไปลงทุนในหลายบริษัทที่จีน นอกจากนี้ Softbank ยังเป็นเจ้าของ LINE Application และมีประเด็นน่าสนใจที่เข้าไปลงทุนในบริษัทเล็ก ๆ ทั่วโลก และหลาย ๆ บริษัทก็ประสบความสำเร็จอย่างมากจึงอยากให้พิจารณาใช้ไทยเป็นฐานในการพัฒนา start-up ให้แข็งแกร่งขึ้น โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุน
- บริษัท Nidec Corporation เป็นบริษัทที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตการส่งออกอุตสาหกรรมไฮเทค โดยเฉพาะมอเตอร์ที่ใช้ในรถยนต์ EV และโดรน และจะมีการลงทุนในปีนี้อีก 1,700 ล้านบาท