นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เร่งทบทวนหลักทรัพย์ที่กระทรวงการคลังถือครองอยู่ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท พร้อมเร่งทำแนวทางการบริหาร และแผนการลงทุนที่สร้างผลกำไรให้แก่รัฐ โดยสั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อศึกษาถึงความคุ้มค่าของหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ เพื่อบริหารให้มีประโยชน์สูงสุดกับภาครัฐ ประเมินความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์ รวมถึงมองแนวโน้มของหลักทรัพย์ดังกล่าวในอนาคตด้วย นอกเหนือจากมาตรฐานทางบัญชี จะดูกำไร-ขาดทุน และกรอบกฎหมาย ส่วนการจะซื้อหรือขายหรือไม่นั้น ยังไม่ตัดสินใจตอนนี้ เพราะต้องพิจารณาความคุ้มค่าในการถือครองหุ้นก่อน
"จากการพิจารณาหุ้นที่อยู่ในกลุ่มนี้ พบว่า หุ้นบางตัว เป็นหุ้นขนาดเล็กที่ไม่มีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังก็ไม่มีใครกล้าทำอะไร เพราะมีกรอบข้อจำกัดว่า รัฐบาลจะขายได้ ก็ต่อเมื่อเป็นหุ้นที่ไม่สร้างประโยชน์ ไม่อยู่ในแผนการพัฒนา และต้องมีการดูเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของรัฐ" นายเผ่าภูมิ กล่าว
รมช.คลัง กล่าวว่า การตัดสินใจขายหุ้นตัวใดออกไปหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาให้ถูกต้องตามกรอบกฎหมายในหลักทรัพย์ที่ถือครองไว้แต่ละแห่ง ซึ่งหุ้นบางตัว ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน ในขณะที่หุ้นบางตัว เป็นอำนาจของกระทรวงการคลังที่จะตัดสินใจได้เอง โดยพิจารณาความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์เป็นหลัก
"เช่น มูลค่าหุ้นตอนนี้เหลือ 8 บาท จากที่ซื้อมา 10 บาท มองไปอนาคต มูลค่าอาจลดลงเหลือ 5 บาท หากไม่ขายออกตอนนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินหรือไม่" นายเผ่าภูมิ ระบุ