น.ส.ปภากร รัตนเศรษฐ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสิน ได้มีการปล่อยสินเชื่อแก่ธุรกิจที่คำนึงถึงผลลัพธ์เชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด (Green Finance) ซึ่งเป็นครั้งแรกของธุรกิจธนาคารที่มีการนำเอา ESG Score มาประกอบการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ โดยเริ่มต้นดำเนินการสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ธนาคารอนุมัติสินเชื่อพร้อมเงื่อนไขพิเศษลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับกิจการที่มีคะแนน ESG ดี มีการทำธุรกิจอย่างใส่ใจและคำนึงถึงสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม
โดยมีการปล่อยสินเชื่อด้วยการใช้ ESG Score แล้วกว่า 48,600 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีกิจการที่มีคะแนนดีเยี่ยม ได้รับการลดอัตราดอกเบี้ยเป็นกรณีพิเศษ คิดเป็นวงเงินกว่า 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและส่งเสริมการลงทุนในเศรษฐกิจสีเขียว และ Thailand Green Taxonomy ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพื่อความยั่งยืน เปลี่ยนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตามนโยบายของรัฐบาล
น.ส.ปภากร กล่าวว่า ล่าสุด ธนาคารออมสินได้ปล่อยสินเชื่อตามโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนให้แก่ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ที่ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม ภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี จำนวน 4 ราย วงเงินรวม 7,850 ล้านบาท ประกอบด้วย
1. บมจ. ไออาร์พีซี (IRPC) วงเงิน 5,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่น และปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลตามมาตรฐานยูโร 5 ที่จะช่วยลดปัญหามลภาวะฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นไปตามนโยบายสู่การเป็นโรงงานสีเขียว (Eco Factory)
2. บริษัท อัลเตอร์วิม จำกัด วงเงิน 1,300 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการติดตั้งระบบ Solar ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Private PPA) มุ่งเน้นการจัดการพลังงานให้กับลูกค้าในเครือซีพีเป็นหลัก เป็นการยกระดับศักยภาพการแข่งขัน และพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงลดการปล่อยคาร์บอน และสร้างโอกาสคาร์บอนเครดิต ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด
3. บริษัท เอ็นพีเอส โซลาร์ จำกัด วงเงิน 900 ล้านบาท ลงทุนและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ (Solar Floating) เพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในสวนอุตสาหกรรม 304 ปราจีนบุรี สนับสนุนการใช้ไฟฟ้าพลังงานสีเขียวแก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม
4. บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด วงเงิน 650 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินลงทุนในโครงการติดตั้งระบบโซลาร์ของบริษัท หรือบริษัทในเครือ ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Private PPA) มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2030 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050