ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ร่วมกับ มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) สถาบันการเงินที่ใหญ่สุดในญี่ปุ่นและเป็นกลุ่มสถาบันการเงินชั้นนำของโลก ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนความยั่งยืนตามแนวทางการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG จัดงาน Krungsri-MUFG ESG Symposium 2024 สุดยอดการประชุมสัมมนาด้าน ESG โดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่อง ESG ให้กับลูกค้าธุรกิจและบุคคลทั่วไปที่สนใจ
งานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากหน่วยงานภาครัฐ คณะผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรธุรกิจชั้นนำ ผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG จาก ธนาคารโลก (World Bank) MUFG และกรุงศรี มาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ ส่งต่อแนวคิดตลอดจนโซลูชันที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจในการทำแผนเปลี่ยนผ่าน พร้อมเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้เกิดความยั่งยืนในระดับประเทศ และภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAY กล่าวว่า ภายใต้แผนธุรกิจระยะกลางฉบับที่สี่ (2567-2569) กรุงศรี ตั้งใจอย่างแน่วแน่สู่การเป็น "ธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน" โดยเราได้นำกรอบแนวความคิด ESG มาปรับใช้ทั้งการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนมุ่งมั่นให้การสนับสนุนและส่งเสริมลูกค้าธุรกิจให้สามารถเปลี่ยนผ่านสู่การดำเนินงานด้าน ESG อย่างแท้จริงผ่านกิจกรรมต่างๆ และตั้งเป้าให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน 100,000 ล้านบาท (จากปีฐาน 2564) ภายในปี 2573 สอดคล้องกับเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและพันธกิจของ MUFG ในการสร้างอนาคตที่สดใส (Committed to Empowering a Brighter Future) ด้วยการผลักดันการดำเนินงานด้านความยั่งยืน การเป็นธนาคารที่มีความรับผิดชอบ และพัฒนาชุมชน
กรุงศรีจึงได้ร่วมมือกับ MUFG เดินหน้าทำงานแบบองค์รวม ผสานพลังร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งพันธมิตรธุรกิจ ลูกค้า รวมถึงองค์กรภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและระดับสากล พาธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนด้วยองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญรอบด้าน พร้อมจัดงานสัมมนาครั้งยิ่งใหญ่ Krungsri-MUFG ESG Symposium 2024 ซึ่งถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ธุรกิจจะได้เสริมสร้างความรู้และศักยภาพเพื่อมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน โดยจะได้มาอัปเดตสถานการณ์และการขับเคลื่อนเรื่อง ESG และเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกจากผู้ที่มีบทบาทในการตัดสินใจเชิงนโยบาย และผู้เชี่ยวชาญทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ตลอดจนช่วยขยายโอกาสให้ธุรกิจเข้าถึงเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน เพื่อสร้างพันธมิตรในการต่อยอดด้าน ESG พร้อมพาธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนที่แท้จริง"
"ด้วยความร่วมมือจากเครือข่ายที่แข็งแกร่ง และความเชี่ยวชาญด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนระดับโลกของ MUFG กรุงศรีสามารถนำเสนอโซลูชันและเครื่องมือทางการเงินต่างๆ สู่ตลาดในประเทศไทย และประสบความสำเร็จในการนำพาธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน โดยในปีที่ผ่านมา กรุงศรีได้จัดตั้งหน่วยงาน EFD (ESG Finance Department) ซึ่งปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดกับเครือข่าย MUFG เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการเงินเพื่อความยั่งยืน รวมถึงการให้คำแนะนำปรึกษากับลูกค้าธุรกิจเพื่อช่วยวางแผนในช่วงการเปลี่ยนผ่านตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก ซึ่งทาง MUFG ได้ร่วมให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย กลไกเพื่อการเปลี่ยนผ่าน และบทบาทของภาคการเงินในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเอเชียบนเวทีการประชุมสุดยอดรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพ ครั้งที่ 28 (COP28) พร้อมนำเสนอรายงานสมุดปกขาว (MUFG Asia Transition White Paper 2023) โดยมีใจความสำคัญมุ่งเน้นถึงการพัฒนาด้านการเงิน เพื่อสนับสนุนการลดคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรมพลังงานในประเทศไทย ซึ่งจะมีการกล่าวถึงรายละเอียดเชิงลึกในงานประชุมสัมมนาครั้งนี้" นายยามาโตะ กล่าวเสริม
สำหรับงานสัมมนา Krungsri-MUFG ESG Symposium 2024 แบ่งเป็นสองเวทีเสวนาใหญ่ ได้แก่ เวที Net Zero World ซึ่งฉายภาพทิศทางของโลกเรื่องการสร้างความยั่งยืน และวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการลดก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งแนวทางการสร้างความยั่งยืนขององค์กรขนาดใหญ่ของไทย ได้รับเกียรติจากวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรธุรกิจชั้นนำ ผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG จาก World Bank MUFG Bank และกรุงศรี สำหรับเวทีที่สอง Transition in Action ช่วยจุดประกายการทำธุรกิจตามแนวทาง ESG ให้แก่ผู้ประกอบการ โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรที่น่าสนใจอย่าง นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มาร่วมให้คำแนะนำแนวทางการสร้างแผนเปลี่ยนผ่านแบบ Step by Step เพื่อให้นำไปปรับใช้ได้จริงและสามารถเข้าถึงการสนับสนุนเงินลงทุนในอนาคต
ภายในงานยังมีนิทรรศการ Road to Sustainability ที่จะนำพาทุกท่านรู้จักกับแนวคิดและวิถีเส้นทางสู่ความยั่งยืนที่ครอบคลุมในทุกมิติ ตั้งแต่ข้อตกลงเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเวทีโลกที่ส่งผลต่อภาพรวมการทำธุรกิจ ตลอดจนแนวทางของแต่ละประเทศในเอเชียและองค์กรในประเทศไทยในการลดก๊าซเรือนกระจกสู่เป้าหมาย Net Zero และแนวทางที่ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อจะอยู่รอดได้ในสนามแข่งขันในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ ยังมีบูธนำเสนอโซลูชันเพื่อความยั่งยืนที่พร้อมให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการในการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจ และบรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอน อาทิ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG) และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT), Zeroboard, Innopower, Scan Inter, Sitron Power และ Synergysun
นายริชาร์ด ยอร์ก, Executive Officer & Head of Global Corporate & Investment Banking, Asia Pacific, MUFG Bank กล่าวว่า "งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม MUFG?s Net Zero World หรือ MUFG NoW ที่จัดขึ้นในหลายประเทศ อาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย อินเดีย มาเลเซีย และเวียดนาม การจัดงานดังกล่าวจะช่วยจุดประกายพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนเพื่อเร่งดำเนินการสู่เป้าหมาย Net Zero ในระดับโลก โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วมากที่สุดในโลก ซึ่งก็แลกมาด้วยการเผชิญกับภาวะการเพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเช่นกัน"
"ในฐานะสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และเป็นสถาบันการเงินชั้นนำอันดับ 7 ของโลกในด้านสินทรัพย์ MUFG จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ซึ่งภายใต้แผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ MUFG ได้ตั้งเป้าให้การสนับสนุนการเงินเพื่อความยั่งยืนจากเดิม 35 ล้านล้านเยน เป็น 100 ล้านล้านเยน ภายในปี 2573 สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชันต่างๆ เพื่อร่วมแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างเร่งด่วน และมุ่งสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง โดยการจัดงาน Krungsri-MUFG ESG Symposium จะช่วยหยั่งรากฐานที่แข็งแรงให้ธุรกิจในทุกระดับตั้งแต่ SMEs จนถึงองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ให้พร้อมที่จะลงมือสร้างแผนการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นองค์กรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และจากการเข้าร่วมงานของธุรกิจมากมายในวันนี้ ถือเป็นอีกภาพสะท้อนที่บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะร่วมแก้ไขปัญหาระดับโลกอย่างเร่งด่วนแท้จริง" นายยอร์ก กล่าวสรุป