นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนเม.ย. 67 ว่า ขยายตัวต่อเนื่องในภาคการท่องเที่ยว มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากการส่งออกสินค้า และการลงทุนภาคเอกชน อย่างไรดี การบริโภคสินค้าคงทนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ประกอบกับ ผลผลิตภาคเกษตรยังคงหดตัวจากเดือนก่อน ดังนั้น ต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภคต่อสินค้าคงทน และปริมาณการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิดต่อไป
- เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือนเม.ย. 67 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 4.7% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 0.8%
ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่ง ในเดือนเม.ย. 67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -14.4% แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 7.4% ยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนเม.ย. 67 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 3.7% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 2.7% รายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนเม.ย. 67 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2.3%
อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในเดือนเม.ย. 67 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 62.1 จากระดับ 63.0 ในเดือนก่อน เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า
- เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากสะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนเม.ย. 67 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 17.4% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 0.4% ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ในเดือนเม.ย. 67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -25.1% แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 22.3%
สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนเม.ย. 67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -9.4% แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 1.4% ขณะที่ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ในเดือนเม.ย. 67 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 13.6% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 2.2%
- มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนเม.ย. 67 อยู่ที่ 23,278.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลับมาขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 6.8% และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัวที่ 11.4% เนื่องจากการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หมวดเครื่องจักรกลและส่วนประกอบหมวดหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ และหมวดเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ โดยขยายตัว 62.0% 58.8% 32.4% และ 23.3% ตามลำดับ
นอกจากนี้ สินค้าข้าว อาหารสัตว์เลี้ยง ยางพารา และสิ่งปรุงรสอาหาร ขยายตัว 91.5% 52.9% 36.2% และ 23.2% ตามลำดับ อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าในหมวดผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำตาลทราย และแผงวงจรไฟฟ้าชะลอตัว
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวดีขึ้นในตลาดสหรัฐฯ ทวีปออสเตรเลีย อินเดีย และอาเซียน-9 ที่ขยายตัว 26.1% 18.6% 13.3% และ 4.3% ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ตลาดจีน และญี่ปุ่น หดตัวลง -7.8% และ -4.1% ตามลำดับ
- เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน สำหรับภาคบริการมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนเม.ย. 67 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 2.76 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 26.4% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 3.1% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย อินเดีย รัสเซีย และเกาหลีใต้ ตามลำดับ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนเม.ย. 67 จำนวน 24.5 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 14.6% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 9.7%
ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ในเดือนเม.ย. 67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -9.9% แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 4.5% จากการลดลงของผลผลิตในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ข้าวเปลือก ยางพารา และมันสำปะหลัง อย่างไรก็ดี ผลผลิตข้าวโพด และปาล์มน้ำมัน ยังคงขยายตัว
สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนเม.ย. 67 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 3.4% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 2.3% ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนเม.ย. 67 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 90.3 จากระดับ 92.4 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง รวมถึงความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก
- เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนเม.ย. 67 อยู่ที่ 0.19% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.37% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน มี.ค.67 อยู่ที่ 63.4% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนเม.ย. 67 อยู่ในระดับสูงที่ 221.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ